|

ออรัล เซ็กส์ (Oral Sex) อย่างไรให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย

ออรัล เซ็กส์ ถือเป็นวิธีการมีเพศสัมพันธ์ อย่างหนึ่งที่ทำให้คู่รักรู้สึกเพลิดเพลิน หากทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจ แต่ในบางครั้งการทำออรัลเซ็กส์อาจนำมาซึ่งโรคร้ายต่าง ๆ ได้ เช่น โรคติดเชื้อเอชพีวี ซิฟิลิส หรือแม้กระทั่งโรคเอดส์ ดังนั้น ก่อนจะทำออรัล เซ็กส์ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค และการทำออรัล เซ็กส์อย่างปลอดภัย

ออรัล เซ็กส์ (Oral Sex) คือ อะไร ?

การใช้ช่องปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น ในการกระตุ้นบริเวณอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ทวารหนัก หรือส่วนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณดังกล่าว เพื่อให้คู่นอนอีกฝ่ายเกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งทำได้ทั้งคู่รักเพศเดียวกันและคู่รักต่างเพศ การออรัล เซ็กส์นั้นเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงต่างปรารถนาเป็นอย่างมาก บางคนเพียงแค่ถูก ออรัล เซ็กส์ก็สามารถเสร็จได้โดยไม่ต้องสอดใส่

ข้อดีของออรัล เซ็กส์ คืออะไร

ไม่ทำให้ท้อง และทำให้ฝ่ายหญิง และฝ่ายชายพอใจในเพศรสมากขึ้น และมีคนกลุ่มไม่น้อยที่ชอบออรัล เซ็กส์ มากกว่าการมีเซ็กส์จริงๆ เสียอีก

ข้อเสียของออรัล เซ็กส์ คืออะไร

สามารถติดโรคได้ทุกโรค เนื่องจากการกลืนน้ำหล่อลื่นฝ่ายหญิง หรือน้ำอสุจิของชายที่มีโรค อาจทำให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น และโรคที่มีโอกาสติดผ่านการทำรักทางปาก

ความเสี่ยงที่อาจมาพร้อม ออรัล เซ็กส์

1. ติดเชื้อเอชไอวี การทำออรัลเซ็กส์จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีน้อยกว่า การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก และช่องคลอด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสติด โดยเฉพาะถ้าช่องปากของฝ่ายรุก และอวัยวะเพศของฝ่ายรับมีแผล

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ดังนี้

  • หนองในแท้ สามารถติดได้ทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายรุก กรณีที่หากอีกฝ่ายมีเชื้อ 
  • หนองในเทียม 
  • ซิฟิลิส ซิฟิลิสเป็นแผลริมแข็ง เชื้อซิฟิลิสเข้าทางเยื่อบุต่างๆ ได้ ดังนั้นการสัมผัสทางปากกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หัวนม ในคนที่มีแผลริมแข็ง มีเชื้อซิฟิลิส ก็สามารถติดเชื้อซิฟิลิสได้
  • เริม ติดจากการสัมผัสผื่นเริม ดังนั้นจึงติดได้ทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายรุก หากอีกฝ่ายมีเชื้อเริม

3. พยาธิ โดยเฉพาะพยาธิเส้นด้ายที่ชอบวางไข่รอบๆ ทวารหนัก ซึ่งอาจกระจายมาที่อวัยวะเพศ อาจทำให้ผู้ทำออรัล เซ็กส์ กลืนกินไข่พยาธิเส้นด้าย ไปเจริญเติบโตแพร่กระจายในลำไส้ใหญ่ และทวารหนักต่อได้

4. เชื้อเอชพีวี ซึ่งทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ในหลอดลม ทอนซิล และช่องปาก ก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก ทอนซิลลิ้นและคอได้อีกด้วย

5. โรคไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสที่ว่าถูกปล่อยจำนวนมากออกมากับอุจจาระ ทำให้สามารถติดต่อทางออรัล เซ็กส์ได้

6. โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคนี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงได้ อย่างเป็นโรคตับหรือตับเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ด้วย ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือผู้ที่ใช้สารเสพติด โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจถูกพบได้หลายแห่งในร่างกาย อย่างน้ำอสุจิ เลือด น้ำลาย และอุจจาระ แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน แต่ก็มีแนวโน้มว่าการทำออรัล เซ็กส์ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้

7. โรคไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่อาจทำให้ตับเกิดการอักเสบหรืออาจทำให้ตับเสียหายอย่างร้ายแรงได้ มีช่องทางการแพร่เชื้อเหมือนกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสของโรคชนิดนี้ติดต่อผ่านการทำออรัล เซ็กส์หรือไม่ แต่หากมีเลือดออกบริเวณที่ทำออรัล เซ็กส์ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดโรคไวรัสตับอักเสบซีได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ออกจากฝ่ายที่เป็นผู้ทำออรัล เซ็กส์เอง หรืออีกฝ่ายหนึ่งก็ตาม  

8. โรคบิดชิกเกลลา  ติดต่อได้โดยการสัมผัสอุจจาระที่มีเชื้อแบคทีเรียชิกเกลลาอยู่ ดังนั้น การทำออรัล เซ็กส์ บริเวณทวารหนักจึงอาจทำให้ติดโรคนี้ได้ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย ซึ่งโรคนี้จะทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง หรือมีไข้ ในขณะที่บางคนก็อาจไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา แต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในอุจจาระไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์

9. การติดเชื้อทริโคโมแนส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่อาจทำให้รู้สึกแสบเมื่อปัสสาวะ มีของเหลวผิดปกติที่อวัยวะเพศหญิงหรืออวัยวะเพศชาย และช่องคลอดแดงหรือมีอาการคัน ซึ่งการติดเชื้อทริโคโมแนสเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือลำคอ ดังนั้น การทำออรัล เซ็กส์ กับผู้ที่เป็นโรคนี้จึงอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปากและลำคอได้ด้วยเช่นกัน

10. โลน เป็นปรสิตขนาดเล็กที่กินเลือดคนเป็นอาหาร อาศัยอยู่ที่ขนบริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงขนที่บริเวณอื่น ๆ อย่างขนรักแร้ ขนหน้าอก หรือขนขา ซึ่งโลนอาจทำให้มีอาการคันอย่างรุนแรงได้ โดยปกติแล้วโลนจะติดต่อผ่านการสัมผัสอวัยวะเพศ ทวารหนัก รวมถึงการทำออรัล เซ็กส์ ด้วย

เคล็ดลับเพิ่มรสชาติให้ ออรัลเซ็กส์

  • ทำความสะอาดช่องปากให้สะอาด อย่าปล่อยให้มีกลิ่นอาหารนั้นมาทำลายบรรยากาศสุดฟินของคุณ ควรทำความสะอาดภายในช่องปากให้สะอาดทุกครั้งก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์
  • สำหรับคุณผู้ชายควรโกนหนวดให้เรียบร้อย เพราะหนวดเคราอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อฝ่ายตรงข้ามได้
  • กระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตื่นตัวด้วยการเม้มปากแรงๆ สัก 3-5 ครั้ง ที่อวัยวะเพศ
  • หากมีปัญหาช่องปาก เช่น ฟันผุ หรือมีแผลในปาก ควรรักษาให้หายก่อน เพราะอาจจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อต่างๆได้
  • ใช้ลิ้นอย่างนุ่มนวลอย่ารุนแรงจนเกินไป และรักษาจังหวะไว้เพื่อไม้ให้อีกฝ่ายอารมณ์ค้าง

ออรัลเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย

  • หากทำออรัล เซ็กส์ กับอวัยวะเพศชาย ให้สวมถุงยางอนามัยที่ไม่ผสมสารหล่อลื่น  ก่อนทำออรัล เซ็กส์ หากแพ้ยางก็ให้ใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากพลาสติกแทน
  • หากทำออรัลเซ็กส์กับอวัยวะเพศหญิง หรือทวารหนัก ให้ใช้แผ่นยางอนามัยหรือตัดถุงยางอนามัยให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมแล้ววางไว้ระหว่างปากกับอวัยวะเพศหญิงหรือทวารหนักขณะทำออรัล เซ็กส์
  • หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กส์หากคู่นอนมีความผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และปาก อย่างเป็นผื่น เป็นแผล มีอาการเจ็บคอ ติดเชื้อที่ลำคอ เป็นกามโรค หรืออยู่ในช่วงที่มีประจำเดือน
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ควรพาคู่นอน และตนเองไปตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่โรงพยาบาล หรือคลินิก
  • หากคิดว่าตนเอง หรือคู่รักอาจมีเชื้อเอชไอวี หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดก็ตาม ควรงดเว้นกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน และไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

อ่านบทความอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • ออรัล เซ็กส์ ความสุขที่อาจมาพร้อมกับโรคร้าย https://www.pobpad.com/ออรัล-เซ็กส์-ความสุขที่อ
  • การทำรักด้วยปาก (Oral Sex) กับความเสี่ยงที่คุณอาจไม่คาดคิด https://thestandard.co/oral-sex-risks/
  • เรื่องต้องรู้ Oral Sex อย่างไรไม่ให้ผู้ชายเจ็บ https://praewwedding.com/love-and-relationships/122845

Similar Posts

  • |

    ซิฟิลิส รู้เร็ว รักษาได้

    ซิฟิลิส ซึ่งมีลักษณะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพทั่วโลก โรคนี้เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่ชื่อ Treponema pallidum ถึงแม้จะมีการพัฒนาทางการแพทย์และแนวทางด้านสุขภาพสาธารณะ แต่โรคซิฟิลิสยังคงเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากลักษณะที่หลากหลายของโรค ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงและการแพร่กระจายต่อไป

  • โรคหนองใน สาเหตุ, อาการ, การรักษา

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศกับคนที่เป็นโรค หรือคนที่ติดเชื้อ ทั้งจากการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทวารหนัก และสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ ผ่านการถ่ายโอนเลือด หรือการใช้เข็มร่วมกันได้เหมือนกัน   โดยสามารแบ่งประเภทเชื้อที่เป็นต้นเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น ๆ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส  เชื้อรา พยาธิ เป็นต้น โรคหนองใน (Gonorrhoea) คืออะไร? โรคหนองใน หรือโรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้บ่อยมากที่สุดอีกโรคหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย   เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า    ไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoea)  ระยะฟักตัวของโรค หลังจากที่ได้รับเชื้อ ก็มักจะแสดงอาการภายใน 2 – 10 วัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะแสดงอาการภายใน 5 วัน สาเหตุของโรคหนองใน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ ไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า โกโนค็อกคัส (Gonococcus)…

  • โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร? รู้ไว้ ป้องกันได้!

    โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่พบได้บ่อยและมีผลกระทบต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่ติดเชื้อ โรคหูดหงอนไก่ถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสุขภาพทางเพศ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดความไม่สบายกายและจิตใจแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศในระยะยาว โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากอะไร? โรคหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ แต่มีเพียงบางสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ โดยส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ HPV-6 และ HPV-11 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำต่อมะเร็ง อย่างไรก็ตาม บางสายพันธุ์ เช่น HPV-16 และ HPV-18 อาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งบริเวณอื่นๆ ได้ในระยะยาว การแพร่กระจายของเชื้อ HPV HPV สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทาง: อาการของโรคหูดหงอนไก่ อาการของโรคหูดหงอนไก่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ แต่ยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่: การวินิจฉัย โรคหูดหงอนไก่ แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหูดหงอนไก่ได้โดย: การรักษา…

  • |

    แผลริมอ่อน (Chancroid) 

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศกับคนที่เป็นโรค หรือคนที่ติดเชื้อ ทั้งจากการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทวารหนัก และสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ ผ่านการถ่ายโอนเลือด หรือการใช้เข็มร่วมกันได้เหมือนกัน  โรคแผลริมอ่อน (Chancroid)  คืออะไร แผลริมอ่อน หรือ ซิฟิลิสเทียม (Chancroid, Soft chancre, Ulcus molle หรือ Weicher Schanker)  เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi  เกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชาย และเพศหญิง จะทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ และต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตติดกันเป็นพืดและเจ็บ ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ง่าย แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง หากไม่รักษาจะเป็นสาเหตให้เกิดการติดเชื้อ HIV ได้ง่าย  หมายเหตุ  โรคแผลริมอ่อน บางครั้งเรียกว่า โรคซิฟิลิสเทียม เนื่องจากทำให้เกิดแผลได้เช่นเดียวกันกับโรคซิฟิลิส แต่จะแตกต่างกันตรงที่แผลริมอ่อน (ซิฟิลิสเทียม) จะมีอาการเจ็บ และปวด แต่แผลซิฟิลิสจะไม่เจ็บและปวด ระยะฟักตัวของโรค หลังจากที่ได้รับเชื้อ อยู่ในช่วง 1 วัน-2 สัปดาห์ แต่เฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 5-7 วัน…

  • รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ “กามโรค” อันตรายใกล้ตัวกว่าที่คิด

    ในยุคที่ความสัมพันธ์ทางเพศเปิดกว้างและการพบปะผู้คนใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ง่ายผ่านแอปหรือสังคมออนไลน์ “กามโรค” กลายเป็นประเด็นสุขภาพที่คนรุ่นใหม่ควรให้ความสำคัญมากกว่าที่คิด หลายคนอาจมองว่ากามโรคเป็นเรื่องไกลตัว หรือคิดว่าเป็นโรคของคนเจ้าชู้เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง กามโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง คู่รัก หรือแม้แต่คนที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก การเข้าใจเรื่องกามโรคอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เพียงเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ยังช่วยลดการแพร่เชื้อในสังคม และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าการดูแลสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องปกติและสำคัญไม่แพ้การดูแลร่างกายทั่วไป บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ “ทุกเรื่องเกี่ยวกับกามโรค” ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน ไปจนถึงแนวทางการรักษาแบบมืออาชีพ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าความรู้เรื่องนี้จะช่วยปกป้องคุณและคนรอบตัวจากโรคที่อาจส่งผลต่อชีวิตในระยะยาว ความหมายของ “กามโรค” คืออะไร ? “กามโรค” หรือที่ปัจจุบันนิยมใช้คำว่า “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” (Sexually Transmitted Diseases – STDs) หมายถึง กลุ่มโรคที่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการสอดใส่ การสัมผัสของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด หรือเลือด รวมถึงการสัมผัสทางปากและทวารหนัก กามโรคไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่บางชนิดยังสามารถติดต่อได้จากการใช้ของร่วมกัน หรือแม้แต่การสัมผัสแผลเปิดของผู้ติดเชื้อโดยตรง ปัจจุบันมีโรคในกลุ่มนี้มากมาย ซึ่งบางโรครักษาให้หายได้ แต่บางโรคต้องควบคุมไปตลอดชีวิต การเปลี่ยนคำเรียกจาก “กามโรค” เป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” มีเหตุผลสำคัญคือการลดการตีตรา…

  • | |

    ถุงยางอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันลูก

    ถุงยางอนามัยมีความสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ในปัจจุบัน มีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับสตรีและแบบสำหรับบุรุษ  ถุงยางอนามัยคือ? ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง  และเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับช่วยป้องกันการคุมกำเนิด และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต และพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่น และรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ทำไมจึงต้องใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพราะ ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อการคุมกำเนิด หรือเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หูดหงอนไก่ เชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นต้น  ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัย ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 98% ชนิดของถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยที่มีการผลิตจำหน่ายมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้ ได้แก่ 1) ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin condom) วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นส่วนของลำไส้ส่วนล่างของแกะ ที่เรียกว่า…