ตรวจ STD ที่ไหนดี รวมคลินิกและสถานที่ตรวจมาตรฐาน

ตรวจ STD ที่ไหนดี? รวมคลินิกและสถานที่ตรวจมาตรฐาน

ในยุคที่เรื่องสุขภาพทางเพศเป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ “การตรวจ STD” หรือ การตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณรู้เท่าทันสุขภาพของตนเอง ป้องกันการแพร่เชื้อ และรักษาได้ทันท่วงทีหากพบความผิดปกติ การตรวจไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีอาการ แต่เหมาะสำหรับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน ปัจจุบัน การตรวจ STD ไม่ได้ยุ่งยากหรือเป็นเรื่องน่าอายเหมือนในอดีตอีกต่อไป เพราะมีคลินิกเฉพาะทางและศูนย์บริการสุขภาพมากมายทั่วประเทศที่ให้บริการตรวจอย่างเป็นส่วนตัว ปลอดภัย และได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีระบบ จองตรวจออนไลน์ผ่าน Love2Test ที่ช่วยให้การ ตรวจ STD เป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และเป็นความลับ

ตรวจ STD คืออะไร และสำคัญอย่างไร

“Quicky"

คำว่า STD (Sexually Transmitted Diseases) หมายถึง โรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก รวมถึงการสัมผัสของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่น หรือเลือด โรคเหล่านี้อาจไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว การตรวจ STD จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังสุขภาพ เพราะช่วยให้ค้นพบการติดเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ และเข้าสู่การรักษาได้เร็วที่สุด การรู้ผลเร็วไม่เพียงช่วยป้องกันการลุกลามของโรคเท่านั้น แต่ยังช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือการติดเชื้อเรื้อรังในระบบสืบพันธุ์

โรค STD ที่ควรตรวจอย่างสม่ำเสมอ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีอาการและวิธีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป โรคที่ควรตรวจบ่อยที่สุด ได้แก่ หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริมบริเวณอวัยวะเพศ ไวรัส HPV และ เอชไอวี

บางโรคอาจไม่มีอาการให้เห็น แต่สามารถตรวจพบได้ผ่านการตรวจเลือด ปัสสาวะ หรือการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ เช่น การตรวจ Swab ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาวิธีที่เหมาะสมตามอาการ และพฤติกรรมเสี่ยงของแต่ละคน การตรวจ STD อย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน จึงถือเป็นมาตรฐานการดูแลสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ เพราะยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรักษาได้ง่าย และป้องกันการแพร่เชื้อได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“Quicky"

ตรวจ STD เมื่อไหร่ถึงเหมาะสมที่สุด

คำถามยอดนิยมคือ “ควรตรวจ STD เมื่อไหร่?” คำตอบคือ ทุกครั้งที่คุณมีความเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกับคู่ใหม่ หรือรู้ว่าคู่ของคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจทันทีหลังจากนั้นประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เนื่องจากบางโรคต้องใช้เวลาในการฟักตัวก่อนตรวจถึงจะพบเชื้อ สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ควรตรวจ STD อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง และถ้ามีคู่นอนหลายคนหรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย ควรตรวจทุก 3 – 6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าสุขภาพทางเพศยังอยู่ในภาวะปลอดภัย การตรวจอย่างต่อเนื่องไม่เพียงป้องกันการติดเชื้อใหม่ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับความสัมพันธ์ของคุณและคู่รักได้อีกด้วย

ขั้นตอนการตรวจ STD ในคลินิก

ขั้นตอนการตรวจ STD ในปัจจุบันได้รับการออกแบบให้สะดวกและไม่ซับซ้อน โดยทั่วไปจะเริ่มจากการให้คำปรึกษาเบื้องต้น จากนั้นแพทย์ หรือ เจ้าหน้าที่จะประเมินประเภทของการตรวจที่เหมาะสม เช่น การตรวจเลือด ปัสสาวะ หรือการเก็บตัวอย่างจากอวัยวะเพศ การตรวจส่วนใหญ่ใช้เวลาไม่นาน ผลตรวจบางรายการสามารถทราบได้ภายในวันเดียว เช่น การตรวจซิฟิลิสหรือเอชไอวีแบบรู้ผลเร็ว ส่วนบางโรคอาจต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการ 3 – 7 วัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนัดให้คำปรึกษาและแนะนำการรักษาหรือการป้องกันต่อไป สิ่งสำคัญคือ ทุกขั้นตอนจะถูกเก็บเป็นความลับ ผลตรวจจะไม่ถูกเปิดเผยแก่บุคคลอื่น และผู้เข้ารับบริการสามารถใช้รหัสแทนชื่อเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวได้

“ChatLove2test"

ตรวจ STDบ่อยแค่ไหนถึงจะปลอดภัย

ความถี่ของการตรวจ STD ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมทางเพศของแต่ละคน สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำหรือมีคู่นอนหลายคน แนะนำให้ตรวจทุก 3 – 6 เดือน เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ที่มีคู่นอนประจำ และใช้ถุงยางสม่ำเสมอ ควรตรวจอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง การตรวจเป็นประจำคือกุญแจสำคัญของการดูแลสุขภาพทางเพศที่รับผิดชอบต่อทั้งตนเองและคู่รัก นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถรักษาโรคได้ทันก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว

ตรวจ STD มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

ค่าบริการตรวจ STD แตกต่างกันไปตามประเภทของการตรวจ และสถานพยาบาล โดยทั่วไปการตรวจชุดพื้นฐาน เช่น หนองใน ซิฟิลิส เริม และเอชไอวี มักอยู่ในช่วง 600–1,500 บาท หากตรวจแบบแพ็กเกจหลายรายการพร้อมกัน ราคาจะยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น

“PrEPLove2test"

หลายสถานพยาบาลยังมีบริการตรวจฟรี หรือ ราคาประหยัด โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ และคลินิกภาคประชาชนที่ได้รับงบสนับสนุนจากโครงการสุขภาพระดับประเทศ ผู้ที่ต้องการทราบราคาที่แน่นอนสามารถตรวจสอบผ่าน Love2Test ซึ่งแสดงรายละเอียดราคา และสิทธิประโยชน์ของแต่ละคลินิกไว้อย่างชัดเจน

การเลือกสถานที่ตรวจSTD ที่ได้มาตรฐาน

การตรวจSTD ควรทำในสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข หรือองค์กรด้านสุขภาพที่มีมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความถูกต้องของผลตรวจ และความปลอดภัยของข้อมูลผู้รับบริการ ตัวเลือกที่แนะนำ ได้แก่

  • โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ที่มีห้องปฏิบัติการผ่านการรับรอง
  • คลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศ ที่มีทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
  • คลินิกชุมชนภาคประชาชน ที่มีการอบรมและพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่โดยตรง
  • หน่วยตรวจเคลื่อนที่ ขององค์กรที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการความสะดวก และมั่นใจในคุณภาพ สามารถใช้บริการ Love2Test ซึ่งได้รวบรวมสถานที่ตรวจที่ได้มาตรฐานทั่วประเทศ พร้อมระบบจองออนไลน์ฟรี ช่วยให้การ ตรวจSTD ของคุณเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ตรวจ STD แบบไม่ระบุชื่อ ทำได้จริงหรือไม่

ปัจจุบันการตรวจ STD แบบไม่ระบุชื่อเป็นบริการที่มีจริง และได้รับความนิยมสูง เพราะช่วยลดความกังวลเรื่องการถูกตีตราหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ผู้รับบริการจะได้รับรหัสเฉพาะแทนชื่อจริงตั้งแต่ขั้นตอนการจองจนถึงการรับผลตรวจ คลินิกหลายแห่ง มีบริการตรวจแบบไม่ระบุชื่อโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เข้ารับการตรวจรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในความลับของข้อมูลทั้งหมด ผลตรวจจะส่งตรงถึงผู้ใช้ผ่านระบบออนไลน์ที่เข้ารหัสอย่างปลอดภัย การตรวจแบบไม่ระบุชื่อจึงกลายเป็นอีกทางเลือกสำคัญที่ทำให้การดูแลสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องปกติ และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

การตรวจ STD คือ กุญแจสำคัญของการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่เพียงช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ แต่ยังช่วยให้รักษาได้ทันเวลา ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และสร้างความมั่นใจในชีวิตรักอย่างยั่งยืน ในปัจจุบัน การตรวจ STD เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยกว่าที่เคย สะดวก รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว

แหล่งอ้างอิง (References)

  • World Health Organization (WHO). (2024). Sexually Transmitted Infections (STIs): Key Facts. Geneva: World Health Organization.
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2024). Sexually Transmitted Infections (STIs) – Screening Recommendations. Atlanta: U.S. Department of Health and Human Services.
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2567). แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2567. กรุงเทพฯ: สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์.

Similar Posts

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted diseases)

    โรคที่ติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แล้วทำให้เกิดโรค ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยเฉียบพลัน ทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก ทุพลภาพและอาจตายได้ ซึ่งมผลกระทบต่อภาวะสุขภาพกาย และจิตใจและสุขภาพที่รุนแรงต่อทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กได้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ  การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์   การปฏิบัติตัวของผู้ที่เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ใครควรตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตรวจจากอะไร? การตรวจสามารถทำได้หลายวิธี แพทย์จะเลือกการตรวจที่เหมาะสมที่สุดจากการซักประวัติ ซึ่งวิธีตรวจหลักๆ จะมีดังนี้ อ่านบทความอื่นๆ

  • | |

    มีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย

    เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญของทุกคน การป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน การมีเซ็กส์ยังไงให้ปลอดภัย เพื่อการป้องกัน และลดความเสี่ยงการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ Safe Sex คืออะไร  Safe Sex มีแบบไหนบ้าง? แบบที่ 1 ก่อนที่จะมี Sex กับใครได้โปรดตรวจเลือดเพื่อความชัวร์!  แม้ว่าเราจะมั่นใจในตัวเอง หรือไว้ใจในคู่นอนของเรามากแค่ไหน แต่การตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็จะชัวร์และปลอดภัยมากกว่า เพราะการที่เราตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เราสามารถตรวจได้จากเลือดนั้นเอง เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส หรือโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี ที่ติดแล้วรักษายากมาก ๆ ซึ่งสามารถตรวจได้ตามโรงพยาบาลทั่วไปเลย ฉะนั้นก่อนมีเพศสัมพันธ์เราอยากจะแนะนำให้ตรวจเลือดก่อนทุกครั้งเพื่อเขาเพื่อเราจะได้ปลอดภั ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันเราจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการคุมกำเนิดได้ 100% ถ้าถุงยาง ไม่รั่ว ไม่ขาด ไม่หมดอายุ ฉะนั้นเช็กดี ๆ ก่อนสวม ราคาไม่แพง หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ เปิดขายกันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนด้วย ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง อาจทำให้เกิดการแพ้สารเคมีในถุงยางได้ และอาจทำให้ถุงยางรั่วหรือแตก ระวังกันด้วยน้าา เช็กวันหมดอายุ รวมถึงเช็กขนาด รอยขาด รอยรั่วด้วยเพื่อความปลอดภัยของเรา แบบที่ 3…

  • เคล็ดลับห่างไกลจาก โรค HPV

    โรค HPV มีเคล็ดลับในการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพ ได้แก่ หูดที่อวัยวะเพศ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งในช่องปาก เป็นต้น การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงมาตรการป้องกันเพื่อที่จะสามารถลดความเสี่ยงในการรับติด โรค HPV ได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด

  • เริมที่อวัยวะเพศ รักษาอย่างไร

    เริมที่อวัยวะเพศ เป็นหนึ่งในโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อ ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีโอกาสจะมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าได้ และทำให้ติดโรคเริมที่อวัยวะเพศมา ความน่ากลัวของเชื้อเริมนี้ คือ เมื่อคุณติดแล้วจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ไม่สามารถหายขาดได้อย่างสนิทใจสักที หากคุณไม่ทำการรักษาก็จริงลุกลามเป็นแผล ส่งผลให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ครับ เริมที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุจากอะไร โรคเริมอวัยวะเพศ ส่งผลร้ายอย่างไร ถึงแม้โรคเริม จะไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากมีแผลเริมที่อวัยวะเพศจะเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อโรคอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ยิ่งหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อ่อนแอง่าย และเร่งให้เชื้อเริมกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ทั้งที่ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วก็ตาม การรักษา เริมที่อวัยวะเพศ วิธีรักษาเริมที่อวัยวะเพศจะเน้นรักษาตามอาการ โดยจะใช้ทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาไปพร้อมกัน โดยจะเป็นยาในกลุ่มต้านไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ เพราะไม่สามารถใช้ยารักษาไวรัสเริมที่เกิดบริเวณปากได้ เนื่องจากคนละชนิดสายพันธุ์กัน และเพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุด ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาภายใน 5 วันแรก นับตั้งแต่เริ่มแสดงอาการครั้งแรก จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลามไปยังเส้นประสาทส่วนอื่นของร่างกายได้ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผล ก็สามารถทานยาแก้ปวด บรรเทาอาการปวดได้ หรือจะใช้วิธีประคบเย็นที่แผลเป็นเวลา 30-60 นาที ร่วมด้วย ทั้งนี้…

  • |

    โรคเอดส์ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ป้องกันได้ รักษาได้

    “โรคเอดส์” หรือ AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินมาตั้งแต่อดีต และในบางครั้งยังถูกใช้อย่างคลาดเคลื่อน จนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ซึ่งเป็นไวรัสต้นเหตุของโรคเอดส์อย่างแท้จริง บางคนเข้าใจว่า HIV และเอดส์คือสิ่งเดียวกัน หรือเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาได้และต้องเสียชีวิตในเวลาอันสั้น แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันความรู้ทางการแพทย์ได้พัฒนาไปไกลมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจโรคเอดส์ อย่างถูกต้อง แยกให้ออกระหว่างการติดเชื้อ HIV กับการเป็นเอดส์ พร้อมทั้งพูดถึงวิธีการป้องกัน การรักษา และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน HIV และเอดส์ ต่างกันอย่างไร ? อาการเหล่านี้มักไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน และมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัย HIV จึงเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด การวินิจฉัยและตรวจหา HIV การตรวจ HIV ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งในโรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม หรือคลินิกชุมชนที่ให้บริการโดยไม่เปิดเผยชื่อ นอกจากนี้ยังมีชุดตรวจ HIV ด้วยตนเองที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต การตรวจควรทำภายหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างน้อย 2 – 4 สัปดาห์ และอาจต้องตรวจซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ หากพบว่าติดเชื้อ…

  • กามโรคเป็นแล้วรักษาหายได้ไหม?

    กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคหรือคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เดิมมีชื่อว่า กามโรค (venereal diseases) ในปัจจุบันมีการค้นพบโรคในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted infections, STIs) โรคที่สำคัญคือ ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และเอชพีวี กามโรค (Venereal Disease)  คืออะไร ไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส เป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคติดเชื้อเมนิงโกค็อกคัส หรือไข้กาฬหลังแอ่น  บ่อยครั้งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ เชื้อไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส อยู่ในลำคอและโพรงจมูกทางด้านหลัง การแพร่เชื้อแบคทีเรียดังกล่าวไปยังคู่นนอน ผ่านการทำออรัลเซ็กส์ การจูบแบบดูดดื่ม หรือการกระทำอื่น ๆ ที่ถ่ายทอดเชื้อจากละอองเสมหะ 2. เชื้อไมโคพลาสมา เจนิตาเลียม (Mycoplasma genitalium) โรคบิดไม่มีตัว หรือโรคบิดชิเกลลา แพร่สู่กันผ่านการสัมผัสทางตรงและทางอ้อมกับอุจจาระมนุษย์ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการปวดท้องรุนแรง และถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด  4. ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum หรือ…