หนองในเทียมโรคร้ายที่ป้องกันได้

หนองในเทียม อาจเป็นเรื้อรังและรักษาให้หายได้ยากกว่าโรคหนองในแท้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะตรวจไม่พบเชื้อ ที่เป็นต้นเหตุ แต่สำหรับโรคหนองในเทียมที่เกิดจากเชื้อคลามัยเดีย (ซึ่งเกิดได้เป็นส่วนใหญ่) จะรักษาให้หายขาดได้ภายใน 14 วัน หากรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

โรคหนองในเทียม คืออะไร

“Quicky"

โรคหนองในเทียม คือ การอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดเชื้อโรคที่ไม่ใช่หนองในแท้ (Gonococcal Urethritis) สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมได้แก่

  • Chlamydia trachomatis
  • Ureaplasma urealyticum 10-40%
  • Trichomonas vaginalis (rare)
  • Herpes simplex virus (rare)
  • Adenovirus
  • Haemophilus vaginalis
  • Mycoplasm genitalium

สำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของหนองในเทียมที่พบบ่อยที่สุดคือ Chlamydia trachomatis หรือ หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย  เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า  คลามัยเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) 

ระยะฟักตัวของโรค

หลังจากได้รับเชื้อมักจะ แสดงอาการภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น

“Quicky"

สาเหตุของหนองในเทียม

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อสามารถแพร่ติดต่อได้หลายทาง เช่น ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก ทางปาก หรือแม้กระทั่งทางตา หากมีสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อกระเด็นใส่ รวมไปถึงการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะตั้งครรภ์

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อหนองในเทียม

  1. ผู้ที่มีอายุยังน้อย หรือกลุ่มวัยรุ่น
  2. ผู้ที่ติดยาเสพติด
  3. ผู้ที่มีคู่นอนมากกว่า 1 คน หรือมีการเปลี่ยนคู่นอนใหม่
  4. ผู้ที่ใช้คู่นอนร่วมกับผู้อื่น
  5. ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์

อาการของหนองในเทียม

อาการหนองในเทียมในผู้ชายมีอาการอย่างไร?

  • มีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ซึ่งไม่ใช่ปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ
  • มีอาการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
  • รู้สึกปวดหรือมีการบวมที่ลูกอัณฑะ
  • อาการได้ คือ เจ็บ ปวด หรือมีไข้ 
  • มีหนองที่บริเวณทวารหนัก มีเลือดไหล 

อาการหนองในในเทียมในผู้หญิงมีอาการอย่างไร?

  • มีตกขาวลักษณะผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น
  • รู้สึกเจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศขณะปัสสาวะ
  • รู้สึกคันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
  • อาการได้ คือ เจ็บ ปวด หรือมีไข้ 
  • มีหนองที่บริเวณทวารหนัก มีเลือดไหล 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

เมื่อเกิดข้อสงสัยว่าจะเป็นโรคหนองในหรือไม่ ก็ควรเข้าพบแพทย์ โดยสำรวจตัวเรา หรือคู่นอนมีอาการข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยผู้ที่เป็นโรคหนองในมักไม่ค่อยแสดงอาการโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิง แต่หากเริ่มมีอาการแสบตอนปัสสาวะ หรือเริ่มมีผื่นขึ้นบริเวณโดยรอบอวัยวะเพศแล้วให้รีบไปพบแพทย์ หากแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคหนองใน ให้พาคู่นอนไปตรวจด้วยเช่นกัน

“ChatLove2test"

การวินิจฉัยโรคหนองในเทียม

จะทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากบริเวณที่มีการร่วมเพศเพื่อส่งตรวจ การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งสามารถทำได้ 2 วิธี ดังต่อไปนี้

  • การเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ (Swap Test) คือการใช้ไม้พันสำลีเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งที่บริเวณปากมดลูก ปลายท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือลำคอ เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อ
  • การทดสอบปัสสาวะ (Urine Test) คือการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วยไปตรวจ ควรเป็นปัสสาวะที่ทิ้งระยะจากการปัสสาวะครั้งล่าสุด 1-2 ชั่วโมง

การรักษาหนองในเทียม

สามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยรักษา หรือป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของแบคทีเรีย ตัวอย่างกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาหนองในเทียมในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มยาเพนิซิลลิน (Penicillins) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin)

“PrEPLove2test"
  • กลุ่มยาแมคโครไลด์ (Macrolides) ได้แก่ อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin), อิริโทรมัยซิน (Erythromycin), ร็อกซิโทรมัยซิน (Roxithromycin)
  • กลุ่มยาเตตราไซคลิน (Tetracyclines)ได้แก่ ดอกซีไซคลิน (Doxycycline) เตตราไซคลิน (Tetracycline)

การรักษาหนองในเทียม แพทย์จะทำการเลือกใช้และปริมาณยาจะตามอวัยวะที่ติดเชื้อ ดังต่อไปนี้

หนองในเทียมที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก และคอ แนะนำให้เลือกใช้ยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่

  • อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) 1 กรัม กินครั้งเดียว ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง
  • ดอกซีไซคลิน (Doxycycline) 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร นาน 14 วัน
  • อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
  • ร็อกซิโทรมัยซิน (Roxithromycin) 150 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร 15 นาที นาน 14 วัน

หนองในเทียมเยื่อบุตาในผู้ใหญ่ แนะนำให้เลือกใช้ยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่

  • อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) 1 กรัม กินครั้งเดียว
  • ดอกซีไซคลิน (Doxycycline) 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร นาน 10 วัน
  • อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร นาน 21 วัน
  • เตตราไซคลิน (Tetracycline) 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร นาน 21 วัน

ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยในเพศหญิงอาจมีอาการติดเชื้อหนองในเทียมขั้นรุนแรง แพทย์อาจจ่ายยาด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือด 

ในระหว่างนี้ผู้ป่วยควรงดการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา แม้จะมีการใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน และสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาแบบครั้งเดียว ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และรับประทานยาจนครบตามแพทย์สั่ง ถึงแม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม 

หลังจากนั้น 3 เดือน ควรกลับไปตรวจอีกครั้ง เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเกิดซ้ำ ร่วมกับการตรวจคัดกรองหาเชื้อในคู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันภายใน 6 เดือนที่ผ่านมาด้วย

ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง ควรเป็นการสั่งยาโดยแพทย์ เพื่อป้องกันการใช้ชนิดยาไม่ตรงกับโรคที่เป็นอยู่

การป้องกันหนองในเทียม

  • ใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธีทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ สามารถช่วยป้องกันหนองในเทียม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ถึง 99%
  • มีคู่นอนเพียงคนเดียว การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นหนองในเทียม
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างภายในร่างกาย โดยเฉพาะในเพศหญิง เพราะจะเป็นการลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อช่องคลอด และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • หนองในเทียมจะไม่ติดต่อผ่านการจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อม การใช้สระว่ายน้ำ การใช้ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำร่วมกับผู้ป่วย
  • ควรหมั่นไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ควรดื่มน้ำก่อนร่วมเพศและถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ หรือฟอกล้างสบู่ทันทีหลังร่วมเพศ อาจช่วยลดการติดเชื้อลงได้บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ผลทุกราย
  • หากมีอาการที่บ่งชี้ว่ากำลังเป็นโรคหนองในแท้ หนองในเทียม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์และรีบไปพบแพทย์ เพราะหากผลตรวจออกมาพบว่าเป็นโรคหนองในเทียม และผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนดังที่กล่าวมาได้ นอกจากนี้ยังต้องแจ้งให้คู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยภายในช่วง 60 วันที่ผ่านมาได้ทราบเพื่อเข้ารับการตรวจรักษาที่เหมาะสมจนกว่าจะหายดี ก่อนที่จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง

อ่านบทความอื่นๆ

Similar Posts

  • โรคหนองใน สาเหตุ, อาการ, การรักษา

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศกับคนที่เป็นโรค หรือคนที่ติดเชื้อ ทั้งจากการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทวารหนัก และสามารถติดต่อจากแม่สู่ทารกในครรภ์ ผ่านการถ่ายโอนเลือด หรือการใช้เข็มร่วมกันได้เหมือนกัน   โดยสามารแบ่งประเภทเชื้อที่เป็นต้นเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น ๆ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส  เชื้อรา พยาธิ เป็นต้น โรคหนองใน (Gonorrhoea) คืออะไร? โดยเชื้อแบคทีเรีย ไนซีเรีย โกโนเรีย ชนิดนี้สามารถเจริญได้ดีในที่ชื้นและที่อบอุ่นของระบบอวัยวะสืบพันธุ์มนุษย์ตั้งแต่ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก ท่อปัสสาวะ ซึ่งพบทั้งในผู้ชายและผู้หญิง และยังสามารถเจริญเติบโตได้ในบริเวณอื่น ๆ  ได้ เช่น ทวารหนัก เยื่อบุตา ช่องปากและคอ เชื้อจึงสามารถติดต่อทางปากได้ด้วย การติดเชื้อจะเริ่มจากการสัมผัสเยื่อบุช่องปาก ช่องคลอด ทวารหนัก อวัยวะเพศ ที่มีเชื้อผ่านการสัมผัสทั้งการมีร่วมเพศ และอาจไม่มีการร่วมเพศ หรือหลั่งอสุจิเลยก็ได้ และในหญิงที่เป็นโรคและมีเชื้อในช่องคลอด สามารถแพร่จากช่องคลอดไปทหารหนัก และจากทหารหนักไปช่องคลอดได้เช่นกัน นอกจากนี้การติดเชื้อหนองในแท้ที่บริเวณอื่น ๆ เช่น ทวารหนัก ลำคอ ดวงตา หรือข้อต่อก็ย่อมทำให้มีอาการแตกต่างกันไป…

  • รักษาซิฟิลิส ไม่ต่อเนื่อง เสี่ยงอันตราย

    ว่าด้วยเรื่องของการ รักษาซิฟิลิส เพราะเป็นโรคที่ร้ายแรง และสามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย โดยมีอาการที่ไม่ค่อยแสดงออกมา แต่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นการ รักษาซิฟิลิส จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดได้อย่างแน่นอน ความสำคัญของการ รักษาซิฟิลิส ในบางกรณีอาจพบอาการแสดงอื่นๆ เช่น ผื่นขึ้นที่ผิวหนังหรืออาการเจ็บคอ การรักษาโรคซิฟิลิสจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้วการรักษาจะใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก แต่ในกรณีที่เกิดภาวะที่รุนแรงอาจต้องใช้การรักษาที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเฉพาะทางได้ ดังนั้น หากมีอาการของโรคซิฟิลิส ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาซิฟิลิส ที่ถูกต้องและทันเวลา การตรวจ รักษาซิฟิลิส ในห้องปฏิบัติการ การตรวจโรคซิฟิลิส สามารถทำได้โดยใช้วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยหลักการจะเป็นการเพาะเชื้อจากตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ เช่น สารอาหาร อุจจาระ หรือเลือด โดยเชื้อจะถูกเพาะบนสื่อเลี้ยงเชื้อ และจะต้องรอให้เชื้อขยายพันธุ์เพียงพอเพื่อทำการวิเคราะห์ วิธีการ รักษาซิฟิลิส การรักษาโรคซิฟิลิส จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และสถานะของผู้ป่วย โดยภาพรวมแล้วการรักษาโรคซิฟิลิส จะประกอบไปด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เพื่อกำจัดเชื้อ และการรักษาโรคแทรกซ้อนหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้ร่วมด้วย ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรคซิฟิลิส เป็นแอนติไบโอติก ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง ที่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้ แต่วิธีการใช้ยาและเวลาที่จะต้องใช้ในการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณเชื้อ อาการของโรค…

  • ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีผลกระทบต่อทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อบางอย่างสามารถรักษาได้เพื่อให้คุณ และคู่นอนของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรง และคุณเองสามารถป้องกันตัวเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ STI  คืออะไร? โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รักษาไม่หายขาด วิธีการป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำอย่างไรได้บ้าง อ่านบทความอื่นๆ

  • เริมที่อวัยวะเพศ รักษาอย่างไร

    เริมที่อวัยวะเพศ เป็นหนึ่งในโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อ ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีโอกาสจะมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าได้ และทำให้ติดโรคเริมที่อวัยวะเพศมา ความน่ากลัวของเชื้อเริมนี้ คือ เมื่อคุณติดแล้วจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ไม่สามารถหายขาดได้อย่างสนิทใจสักที หากคุณไม่ทำการรักษาก็จริงลุกลามเป็นแผล ส่งผลให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ครับ เริมที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุจากอะไร โรคเริมอวัยวะเพศ ส่งผลร้ายอย่างไร ถึงแม้โรคเริม จะไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากมีแผลเริมที่อวัยวะเพศจะเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อโรคอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ยิ่งหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อ่อนแอง่าย และเร่งให้เชื้อเริมกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ทั้งที่ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วก็ตาม การรักษา เริมที่อวัยวะเพศ วิธีรักษาเริมที่อวัยวะเพศจะเน้นรักษาตามอาการ โดยจะใช้ทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาไปพร้อมกัน โดยจะเป็นยาในกลุ่มต้านไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ เพราะไม่สามารถใช้ยารักษาไวรัสเริมที่เกิดบริเวณปากได้ เนื่องจากคนละชนิดสายพันธุ์กัน และเพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุด ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาภายใน 5 วันแรก นับตั้งแต่เริ่มแสดงอาการครั้งแรก จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลามไปยังเส้นประสาทส่วนอื่นของร่างกายได้ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผล ก็สามารถทานยาแก้ปวด บรรเทาอาการปวดได้ หรือจะใช้วิธีประคบเย็นที่แผลเป็นเวลา 30-60 นาที ร่วมด้วย ทั้งนี้…

  • |

    ไวรัสตับอักเสบบี มีสาเหตุมาจากอะไร?

    ไวรัสตับอักเสบบี เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ยังถูกพบจำนวนมาก ในประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายแรงต่อตับของร่างกาย ได้แก่ โรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง และโรคตับวาย เป็นต้น ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าตัวเองติดไวรัสตับอักเสบบีอยู่ เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจว่าโรคชนิดนี้มีสาเหตุมาจากอะไร โดยบทความนี้จะแสดงรายละเอียดถึงโรคไวรัสตับอักเสบบีทั้งหมด รู้จักไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อกันอย่างไร เชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะสามารถติดต่อกันผ่านทางเลือด และสารคัดหลั่งของมนุษย์เป็นหลัก การที่จะรู้ได้ว่าคุณติดเชื้อแล้วหรือไม่ จะต้องมีการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้ ความเสี่ยงเหล่านี้ อาจทำให้คุณติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี ได้ ไวรัสตับอักเสบบี หายขาดหรือไม่ โรคนี้สามารถหายขาดได้ หากตรวจพบเชื้ออย่างรวดเร็ว หรืออยู่ในระยะอาการแบบเฉียบพลัน เฉลี่ยใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือน แต่สำหรับในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีระยะอาการตับอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะต้องทำการตรวจวินิจฉัย และวางแผนในการรักษาอย่างรอบคอบต่อไป ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ Post Views: 1,515

  • ดูแลตัวเองอย่างไร ?…เมื่อเป็นโรคซิฟิลิส  

    โรคซิฟิลิสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า ทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema Pallidum) จากการสัมผัสถูกเชื้อโดยตรงจากแผลของผู้ป่วย และระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ที่มักสุ่มเสี่ยงกับการติดเชื้อได้มากที่สุด จึงมักถูกจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคซิฟิลิสคือ? โรคซิฟิลิส ติดต่อกันได้อย่างไร สามารถรับเชื้อซิฟิลิสได้ 3 ทาง คือ ทางเพศสัมพันธ์ โดยติดต่อผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ติดต่อผ่านการสัมผัสแผลที่มีเชื้อ โดยผ่านทางผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก จากแม่สู่ลูก โดยหากมารดาเป็นซิฟิลิส จะถ่ายทอดโรคนี้สู่ทารกในครรภ์ได้ โดยเรียกเด็กที่เป็นซิฟิลิสจากสาเหตุนี้ว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital Syphilis) จะแสดงอาการหลังคลอดได้ 3-8 สัปดาห์ และเป็นอาการเล็กน้อยมาก จนแทบไม่ทันได้สังเกต เช่น มีตุ่มผื่นขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มาออกอาการมาก ๆ เข้าเมื่อตอนโต ซึ่งก็เข้าสู่ระยะที่สี่แล้ว หรือบางคนอาจแสดงอาการพิการออกมาให้เห็นได้ชัด อาการของซิฟิลิส แบ่งอาการออกได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะสงบ หรือระยะแฝง หรือ Latent Syphilis เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีอาการของโรคแสดงออกมาให้เห็น แต่ผู้ป่วยยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกายและตรวจเลือดพบได้ ระยะนี้สามารถเกิดได้นานเป็นปีก่อนจะพัฒนาไปยังระยะสุดท้าย ระยะที่…