PrEP ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร รวมคำตอบที่ควรรู้

PrEP ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร? รวมคำตอบที่ควรรู้

ในยุคที่การป้องกันเอชไอวี (HIV) มีความสำคัญอย่างยิ่ง PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis ได้กลายเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้เกือบ 100% หากใช้ถูกต้องและต่อเนื่อง การมีข้อมูลที่ถูกต้องว่า PrEP ซื้อที่ไหน และราคาเท่าไร จึงเป็นคำถามสำคัญที่ผู้คนจำนวนมากอยากได้คำตอบอย่างชัดเจน การหาซื้อ PrEP ไม่ใช่แค่การซื้อยา แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คุณภาพของยา การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม บทความนี้จะอธิบายทุกประเด็นที่คุณควรรู้ ตั้งแต่พื้นฐานของ PrEP ความสำคัญ ราคา ช่องทางซื้อ ไปจนถึงปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มใช้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกการตัดสินใจจะเป็นไปอย่างรอบคอบและปลอดภัย

ยา PrEP คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ

PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis เป็นการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ โดยเป้าหมายคือการป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและสร้างการติดเชื้อถาวร หลักการทำงานของ PrEP คือการสร้างระดับยาที่เพียงพอในเลือดและเนื้อเยื่อ หากเชื้อ HIV เข้ามาในร่างกายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เชื้อจะไม่สามารถแพร่กระจายและฝังตัวได้ งานวิจัยระดับนานาชาติยืนยันว่า หากใช้ PrEP อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้เกือบ 100% และหากใช้ควบคู่กับถุงยางอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ ได้เพิ่มเติมอีก PrEP จึงถือเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง และได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC)

Love2test”></a></div>




<h2 class=PrEP ซื้อที่ไหน ในประเทศไทย

ในประเทศไทย PrEP สามารถเข้าถึงได้เฉพาะผ่านแพทย์และสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เท่านั้น ไม่สามารถซื้อได้เองตามร้านขายยาหรือช่องทางออนไลน์ได้ โดยทั่วไปสามารถเข้าถึง PrEP ได้จาก 3 ช่องทางหลัก ได้แก่

  1. โรงพยาบาลของรัฐ ในไทยปัจจุบันมียา PrEP ฟรี สำหรับผู้ที่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยงผ่านโครงการที่สนับสนุนโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มใช้ และติดตามทุก 3 เดือน
  2. โรงพยาบาลเอกชน ให้บริการ PrEP ภายใต้ความสะดวก รวดเร็ว และความเป็นส่วนตัวสูง มีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด ราคาสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบริการแบบครบวงจร
  3. คลินิกเฉพาะทางและคลินิกชุมชน หลายแห่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการด้านสุขภาพ ทำให้มีค่าใช้จ่ายถูกลง หรือในบางกรณีไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย การดูแลโดยแพทย์ยังคงเป็นมาตรฐาน และมีบรรยากาศที่เป็นมิตรกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และหญิงข้ามเพศ

ทำไม PrEP ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น

ทำไม PrEP ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น

PrEP ไม่ใช่ยาที่สามารถซื้อได้เองตามร้านขายยาหรือผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากเป็นยาที่ต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และต้องได้รับการดูแลติดตามอย่างใกล้ชิด การเริ่มใช้ PrEP ไม่ได้หมายถึงการรับยาแล้วสามารถใช้ได้ทันที แต่ผู้ใช้จำเป็นต้องผ่านการตรวจเลือด เพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อเอชไอวี ตรวจการทำงานของตับและไต รวมถึงตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ขั้นตอนเหล่านี้มีความสำคัญมาก เพราะหากข้ามไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

นอกจากนี้ การติดตามผลทุก 3 เดือนถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ PrEP เพราะช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงปลอดจากเชื้อเอชไอวี รวมถึงช่วยประเมินผลข้างเคียงจากการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง การมีแพทย์คอยกำกับดูแลจึงไม่เพียงแค่ทำให้การใช้ PrEP ปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้ผู้ใช้ได้รับการดูแลสุขภาพในภาพรวมอย่างครบถ้วนอีกด้วย

ราคา PrEP ในประเทศไทย

ค่าใช้จ่ายในการรับบริการ PrEP (เพร็พ) ในประเทศไทย จะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล รวมถึงการสนับสนุนจากโครงการด้านสุขภาพต่าง ๆ โดยแบ่งได้ดังนี้

“ChatLove2test"

โรงพยาบาลของรัฐ

  • ผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถรับ PrEP ได้ ฟรี ผ่านโครงการที่สนับสนุนโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
  • หากไม่อยู่ในเกณฑ์กลุ่มเสี่ยง อาจมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โรงพยาบาลเอกชน

“PrEPLove2test"
  • ราคาประมาณ 1,500 – 5,000 บาทต่อเดือน ครอบคลุมทั้งค่ายา ค่าตรวจสุขภาพ และค่าบริการ
  • ราคาขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อของยา และอัตราค่าบริการของแต่ละโรงพยาบาล

คลินิกเฉพาะทาง และคลินิกชุมชน

  • ส่วนใหญ่เกิดจากการสนับสนุนของโครงการสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • หลายแห่งมีบริการ ฟรี หรือมีค่าใช้จ่ายเพียง ไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน

การตรวจสุขภาพก่อนและระหว่างใช้ PrEP

มาตรฐานการใช้ PrEP กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพทั้งก่อนเริ่มใช้และระหว่างใช้ยา โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ก่อนเริ่มใช้ PrEP: ต้องตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ตรวจการทำงานของตับและไต และตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ระหว่างใช้ PrEP: ต้องตรวจติดตามทุก 3 เดือน เพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อใหม่ และตรวจสอบการทำงานของอวัยวะภายใน

การตรวจอย่างสม่ำเสมอช่วยให้มั่นใจว่าการใช้ PrEP มีความปลอดภัยสูงสุด และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

เปรียบเทียบ ข้อดีและข้อเสีย ของแต่ละช่องทาง

การเลือกว่าจะซื้อ PrEP ที่ไหนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โรงพยาบาลของรัฐมีข้อดีเรื่องราคาที่ถูกกว่า แต่ต้องรอคิวนาน โรงพยาบาลเอกชนมีบริการที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัว แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ส่วนคลินิกชุมชนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นมิตร ราคาไม่แพง และยังได้รับการดูแลจากแพทย์เช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ว่าคุณจะเลือกช่องทางไหน PrEP จะต้องจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

PrEP แบบเม็ด และแบบฉีด ต่างกันอย่างไร ?

PrEP แบบเม็ด และแบบฉีด ต่างกันอย่างไร

ปัจจุบัน PrEP มีให้เลือกทั้งในรูปแบบยาเม็ด และแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยยาเม็ดต้องรับประทานเป็นประจำทุกวัน หรือในบางกรณีสามารถใช้เฉพาะช่วงที่มีความเสี่ยง ส่วน PrEP แบบฉีด จะออกฤทธิ์ยาวนานกว่าหลังจากได้รับการฉีด ทำให้ไม่ต้องกังวลกับการกินยาทุกวัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความสะดวก ไลฟ์สไตล์ ความเหมาะสมทางสุขภาพ และคำแนะนำจากแพทย์ หากเป็นผู้ที่สามารถรับประทานยาได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แบบเม็ดก็ถือว่าเหมาะสม ขณะที่แบบฉีดช่วยลดภาระเรื่องการกินยา แต่ต้องเข้ารับบริการฉีดตามนัดที่แพทย์กำหนด ไม่ว่าจะเลือกใช้ในรูปแบบใด ทั้งยาเม็ด และยาฉีดต่างก็มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี

อ่านบทความที่น่าสนใจ

การใช้ PrEP อย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยป้องกันคุณจากเอชไอวี แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในชีวิตประจำวัน สิ่งสำคัญคือการใช้ PrEP ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ มีการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มใช้ และตรวจติดตามทุก 3 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด

แหล่งที่มา

  • World Health Organization (WHO). Guidelines on when to start antiretroviral therapy and on pre-exposure prophylaxis for HIV. Geneva: WHO; 2015. https://www.who.int/hiv/pub/guidelines/earlyrelease-arv/en/
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). Pre-exposure Prophylaxis (PrEP). Atlanta: CDC; 2024. https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
  • UNAIDS. PrEP and the prevention of HIV infection: policy brief. Geneva: UNAIDS; 2021. https://www.unaids.org/en/resources/documents/2021/PrEP-policy-brief

Similar Posts

  • | | | |

    15 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์

    ถึงแม้ว่าโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะมีมานานมากแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังมีความรู้ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี ทำให้ปัจจุบันต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี หรือการเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง เอชไอวี คืออะไร เชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) คือ ไวรัสที่จะเข้าไปกัดกินทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ 1. โรคเอดส์ กับ เชื้อเอชไอวี เป็นคนละตัวกัน HIV คือ เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง  ส่วนโรคเอดส์ คือ โรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เชื้อเอชไอวีทำลาย 2. โรคเอดส์ ยังมีโอกาสรอดชีวิต ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาโรคเอดส์ได้โดยตรง แต่ถ้าหากตรวจพบในระยะที่ยังเป็นการติดเชื้ออยู่ สามารถทานยาต้านไวรัส เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำร้ายภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนเกิดอาการความผิดปกติออกมา ดังนั้นหากตรวจพบเชื้อได้เร็ว ก็จะยิ่งควบคุมเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ง่าย จนไม่เชื้อไม่พัฒนาเป็นโรคเอดส์ที่สมบูรณ์ โอกาสรอดก็มีสูงขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป 5. เชื้อเอชไอวีไม่ใช่ไข้หวัดที่จะติดต่อกันได้ง่าย 6. เชื้อเอชไอวีแพร่ผ่านการสัมผัส น้ำตา เหงื่อ น้ำลาย หรือปัสสาวะได้…

  • ยา เพร็พ (PrEP) คืออะไร ? คู่มือสุขภาพป้องกัน HIV

    ในยุคปัจจุบันที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญต่อสังคม การป้องกันล่วงหน้าเป็นหนึ่งในแนวทางที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด ยา เพร็พ (PrEP) จึงถูกพัฒนาและนำมาใช้ในวงการสาธารณสุขทั่วโลก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับยาเพร็พอย่างละเอียด ตั้งแต่วิธีการใช้ ประโยชน์ ผลข้างเคียง ตลอดจนการเข้าถึงบริการในประเทศไทย เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและดูแลสุขภาพได้อย่างมืออาชีพ ความหมายและความสำคัญของ ยาเพร็พ ยาเพร็พ (PrEP) ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือแนวทางป้องกันการติดเชื้อ HIV ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ยาต้านไวรัสที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีนัยสำคัญ ยาเพร็พจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกแนะนำให้ใช้ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ประเภทของยาเพร็พและแนวทางการใช้ เพร็พมี 2 รูปแบบหลัก คือ เพร็พรายวัน และ เพร็พแบบตามความเสี่ยง เพร็พรายวัน คือ การรับประทานยาเป็นประจำทุกวัน เพื่อสร้างระดับยาคงที่ในร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเนื่อง ส่วนเพร็พแบบตามความเสี่ยง ใช้เฉพาะช่วงที่คาดว่าจะมีความเสี่ยง โดยต้องรับประทานยาตามสูตร และช่วงเวลาที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ก่อนเริ่มใช้ยาเพร็พ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ ตรวจหาเชื้อ HIV รวมถึงตรวจการทำงานของตับและไต หากผลตรวจผ่านเกณฑ์…

  • | | |

    ทำความเข้าใจก่อนใช้ยาเพร็พ และยาเป๊ป

    สิ่งสำคัญของยาต้านไวรัสเอชไอวีคือ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี ทั้งก่อนและหลังการสัมผัสเชื้อ หากพูดถึงวิธีป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการสวมถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อที่ปลอดภัย และลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น แต่ต้องใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งโดยคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาต้านเอชไอวี PrEP และPEP  ว่าทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีอย่างไร เราจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี PrEP & PEP ทำงานอย่างไร? กลไกของยา PrEP จะไปสะสมอยู่ในเม็ดเลือดขาวในเลือดและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งอวัยวะที่เป็นช่องทางเข้าของเชื้อเอชไอวี เช่น ช่องคลอด ปากมดลูก ปากทวารหนัก เยื่อบุอวัยวะสืบพันธุ์ชาย ฯลฯ เมื่อเชื้อเอชไอวี เข้าไปในร่างกายในช่องทางดังกล่าว เชื้อก็จะถูกยาที่สะสมอยู่ก่อนหน้านั้นยับยั้งไม่ให้แบ่งตัว จึงสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้ แต่ก่อนจะเริ่มกินยา PrEP ต้องมีการตรวจเลือดให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้ติดเชื้อมาก่อน หรือมีผลเลือดเป็นลบ และต้องตรวรค่าการทำงานของไต ซึ่งไม่จำเป็นต้องกินยาตลอดชีวิต แต่กินยาเฉพาะช่วงที่คิดว่าจะตัวเองจะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ PEP ยาต้านไวรัสไอวีที่ช่วยลดโอกาสในการสร้างไวรัสเอชไอวีในร่างกายหลังจากที่ร่างกายได้รับการสัมผัสเชื้อ ซึ่งมาจากหลายรูปแบบ อาทิ การมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรืออุบัติเหตุจากการโดนเข็มฉีดยาตำ เป็นต้น PrEP &…

  • ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

    การตรวจ HIV สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV จากแม่ไปยังลูกน้อย ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมบุตรได้ ซึ่งประเภทของการแพร่เชื้อชนิดนี้ เรียกว่า การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ในบทความนี้ เราจะบอกเหตุผลที่ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะมีบุตร จำเป็นต้องได้รับการตรวจ HIV รวมไปถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อนี้ และมีขั้นตอนใดที่สามารถทำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อันตรายได้

  • ติดเชื้อ HIV ดูแลตัวเองอย่างไร

    การตรวจพบว่าตัวเอง ติดเชื้อ HIV และต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้ออาจเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ติดเชื้ออย่างมาก แต่ด้วยการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ เพราะการดูแลตนเองเมื่อ ติดเชื้อ HIV เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม และการจัดการสภาพร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ นำเสนอเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่จำเป็น เพื่อนำทางชีวิตในฐานะบุคคลที่ ติดเชื้อ HIV ตั้งแต่การเข้าสู่กระบวนการรักษาพยาบาลและการทำความเข้าใจตัวเลือกการรักษา ไปจนถึงการใช้พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การป้องกันการแพร่เชื้อ การจัดการสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งข้อมูล การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ ติดเชื้อ HIV มีความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและมีความสุขขณะใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีได้ โดยการน้อมรับแนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเองและการรับทราบข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

  • | | | |

    การทำความเข้าใจกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่เป็นกลุ่ม U=U

    เมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าไปสู่ร่างกาย จะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาสู่ร่างกาย จึงทำให้ผู้ป่วยมีระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจนในที่สุด ร่างกายของผู้ป่วย ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าไปสู่ร่างกายได้ และอาจเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้ เช่น วัณโรค เชื้อรา ปอดบวม เป็นต้น โดยส่วนมากผู้ป่วยจะมีปริมาณของไวรัส ในเลือดมากกว่า 200-1,000 ตัว ต่อซีซีของเลือด แต่ะเมื่อได้เข้ารับการรักษา ทำให้มีปริมาณของเชื้อไวรัส ในเลือดต่ำกว่า 50 ตัวต่อซีซีของเลือด โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว เราจะเรียกกันว่า ตรวจไม่เจอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เชื้อที่อยู่ภายในร่างกายได้หมดไปแล้ว เพียงแต่ จะมีปริมาณที่เหลือน้อยมาก ๆ จนทำให้ตรวจไม่เจอ U=U คืออะไร U = U หรือ Undetectable = Untransmittable  หรือ ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ ตรวจเอชไอวี ไม่เจอ เป็นเพราะอะไร การที่จะสามารถแพร่เชื้อเอชไอวีได้นั้น จะต้องมีปริมาณของเชื้อไวรัสมากพอสมควร คือ ต้องมีปริมาณไวรัสในเลือดตั้งแต่…