ยา เพร็พ (PrEP) คืออะไร คู่มือสุขภาพป้องกัน HIV

ยา เพร็พ (PrEP) คืออะไร ? คู่มือสุขภาพป้องกัน HIV

ในยุคปัจจุบันที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญต่อสังคม การป้องกันล่วงหน้าเป็นหนึ่งในแนวทางที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด ยา เพร็พ (PrEP) จึงถูกพัฒนาและนำมาใช้ในวงการสาธารณสุขทั่วโลก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับยาเพร็พอย่างละเอียด ตั้งแต่วิธีการใช้ ประโยชน์ ผลข้างเคียง ตลอดจนการเข้าถึงบริการในประเทศไทย เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและดูแลสุขภาพได้อย่างมืออาชีพ

ความหมายและความสำคัญของ ยาเพร็พ

ยาเพร็พ (PrEP) ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือแนวทางป้องกันการติดเชื้อ HIV ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ยาต้านไวรัสที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีนัยสำคัญ ยาเพร็พจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกแนะนำให้ใช้ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

Love2test”></a></div>




<h2 class=ยา เพร็พ ต่างจาก ยาต้านไวรัส อย่างไร ?
ยา เพร็พ ต่างจาก ยาต้านไวรัส อย่างไร

ยาเพร็พ (PrEP: Pre-Exposure Prophylaxis) คือ ยาที่ใช้สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือคู่รักที่อีกฝ่ายติดเชื้อ โดยรับประทานยาเพร็พอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างเกราะป้องกันในร่างกาย ทำให้ไวรัสไม่สามารถฝังตัวและเพิ่มจำนวนได้ หากได้รับเชื้อโดยไม่ตั้งใจ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้สูงเกือบ 100% เมื่อใช้ร่วมกับการป้องกันอื่น ๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย

ในขณะที่ ยาต้านไวรัส (ART: Antiretroviral Therapy) เป็นยาสำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV แล้ว มีหน้าที่ช่วยลดปริมาณไวรัสในร่างกาย (viral load) ให้อยู่ในระดับต่ำหรือถึงขั้นตรวจไม่พบ (Undetectable) ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นและมีชีวิตยืนยาวแล้ว ยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ด้วย เพราะเมื่อปริมาณไวรัสในร่างกายต่ำจนตรวจไม่พบ ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจะเท่ากับศูนย์ (U=U: Undetectable = Untransmittable)

ประเภทของยาเพร็พและแนวทางการใช้

เพร็พมี 2 รูปแบบหลัก คือ เพร็พรายวัน และ เพร็พแบบตามความเสี่ยง เพร็พรายวัน คือ การรับประทานยาเป็นประจำทุกวัน เพื่อสร้างระดับยาคงที่ในร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเนื่อง ส่วนเพร็พแบบตามความเสี่ยง ใช้เฉพาะช่วงที่คาดว่าจะมีความเสี่ยง โดยต้องรับประทานยาตามสูตร และช่วงเวลาที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ก่อนเริ่มใช้ยาเพร็พ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ ตรวจหาเชื้อ HIV รวมถึงตรวจการทำงานของตับและไต หากผลตรวจผ่านเกณฑ์ แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาและการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

ผลข้างเคียงของยาเพร็พและการดูแลตัวเอง

การใช้ยาเพร็พโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย และได้รับการยอมรับว่ามีผลข้างเคียงน้อย แต่ในบางรายอาจพบอาการข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น เช่น อาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และจะค่อย ๆ หายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวกับยา อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้รู้สึกว่ามีอาการผิดปกติที่รุนแรง หรืออาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม นอกจากนี้ การตรวจติดตามการทำงานของตับและไตอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากยาเพร็พอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะเหล่านี้ในบางกรณี

“ChatLove2test"

ใครเหมาะสมกับการใช้ยาเพร็พ ?

ใครเหมาะสมกับการใช้ยาเพร็พ

ยาเพร็พไม่ใช่ยาที่ทุกคนต้องใช้ แต่เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการพิจารณาใช้ยาเพร็พ

  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้ง หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันบ่อยครั้ง
  • ผู้ที่มีคู่รักที่ติดเชื้อ HIV แม้คู่รักจะได้รับยาต้านไวรัสและตรวจไม่พบไวรัส แต่การป้องกันเพิ่มด้วยเพร็พก็ช่วยสร้างความอุ่นใจและความปลอดภัยมากขึ้น
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีอัตราการติดเชื้อที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรทั่วไป การใช้เพร็พจะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด เนื่องจากมีโอกาสได้รับเชื้อจากการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น
  • ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง เพราะพฤติกรรมเสี่ยงและการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสัญญาณว่ามีโอกาสสัมผัสเชื้อ HIV ได้สูงขึ้น

สรุปง่าย ๆ คือ หากคุณสงสัยว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง การพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับยาเพร็พ อาจเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก

“PrEPLove2test"

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ยา เพร็พ

แม้ว่ายาเพร็พจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความเข้าใจผิดหลายประการที่ทำให้ผู้คนอาจใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องหรือเกิดความกังวลเกินความเป็นจริง หลายคนยังเข้าใจผิดว่ายาเพร็พคือยารักษาโรค HIV แต่ความจริงแล้ว ยาเพร็พเป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อเท่านั้น ไม่สามารถรักษาโรคได้ หากติดเชื้อ HIV แล้วจะต้องรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโดยเฉพาะ

อีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือ เมื่อรับประทานยาเพร็พแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย ความจริงคือ การใช้ยาเพร็พช่วยป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือเริม ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กันจึงยังเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความปลอดภัยรอบด้าน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ยา เพร็พ

หยุดใช้ยาเพร็พได้เมื่อใด?

  • สามารถหยุดได้เมื่อพ้นช่วงความเสี่ยง แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์

หากลืมรับประทานยาเพร็พควรทำอย่างไร?

  • ควรรับประทานทันทีที่นึกได้ หากเกิน 12 ชั่วโมง ให้ข้ามไปและรับประทานตามปกติในมื้อถัดไป

ยาเพร็พส่งผลต่อตับและไตหรือไม่?

  • พบได้น้อยมาก แต่ควรตรวจการทำงานของตับและไตอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย

การตรวจสุขภาพระหว่างใช้เพร็พ

การตรวจสุขภาพระหว่างใช้เพร็พ

การใช้ยาเพร็พเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ใช้ยา ผู้ใช้ยาเพร็พควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV ทุก 3 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้น และหากเกิดกรณีที่มีการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังควรตรวจการทำงานของตับและไตทุก 6 เดือน เนื่องจากยามีโอกาสส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะเหล่านี้ในบางราย หากตรวจพบความผิดปกติจะได้ปรับแนวทางการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม รวมถึงการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะยาเพร็พไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นได้ การติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยให้สามารถดูแลรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม

การใช้ยาเพร็พ เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่ชาญฉลาด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีข้อสงสัย ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มดูแลสุขภาพอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้

Similar Posts

  • |

    U=U&ME แคมเปญใหม่เพื่อหยุดตีตราผู้ติดเชื้อ!

    เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ได้มีการจัดถ่ายภาพที่ Crimson Studio ในกรุงเทพฯ สำหรับแคมเปญที่ชื่อว่า “U=U&ME” ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิ Love Foundation Thailand แคมเปญนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับเอชไอวี โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และการต่อต้านการตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • ติดเชื้อ HIV ดูแลตัวเองอย่างไร

    การตรวจพบว่าตัวเอง ติดเชื้อ HIV และต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้ออาจเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ติดเชื้ออย่างมาก แต่ด้วยการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ เพราะการดูแลตนเองเมื่อ ติดเชื้อ HIV เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม และการจัดการสภาพร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ นำเสนอเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่จำเป็น เพื่อนำทางชีวิตในฐานะบุคคลที่ ติดเชื้อ HIV ตั้งแต่การเข้าสู่กระบวนการรักษาพยาบาลและการทำความเข้าใจตัวเลือกการรักษา ไปจนถึงการใช้พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การป้องกันการแพร่เชื้อ การจัดการสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งข้อมูล การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ ติดเชื้อ HIV มีความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและมีความสุขขณะใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีได้ โดยการน้อมรับแนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเองและการรับทราบข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

  • Love2Test แพลตฟอร์มสุขภาพทางเพศที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    ปัจจุบัน สุขภาพทางเพศเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) และเอชไอวี (HIV) ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก แม้ว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์จะช่วยให้มีวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การเข้าถึงบริการเหล่านี้ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับหลายคน Love2Test จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจหาเอชไอวีและดูแลสุขภาพทางเพศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว บทบาทสำคัญของLove2Test ในการลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีในประเทศไทย Love2Testเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชุดตรวจมาตรฐาน และแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองได้โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือมีไลฟ์สไตล์แบบใด Love2Testพร้อมเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ในการดูแลสุขภาพทางเพศของคุณ ความสำคัญของการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ การตรวจหาเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การตรวจพบเชื้อในระยะแรกช่วยให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อและช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถมีสุขภาพที่ดี ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การใช้ ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ขณะที่ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) เป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงหลังจากได้รับเชื้อ การตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยป้องกันโรค แต่ยังเป็นการดูแลตัวเองและคนที่คุณรักให้ปลอดภัยอีกด้วย บริการที่ครอบคลุมจากLove2Test Love2Testมอบบริการด้านสุขภาพทางเพศแบบครบวงจร ได้แก่ Love2Testทำให้การดูแลสุขภาพทางเพศเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวล ใครบ้างที่ควรใช้ Love2Test แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตรวจเอชไอวีและข้อมูลด้านสุขภาพทางเพศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว โดยเหมาะสำหรับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกลุ่มใด…

  • ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง

    การติดเชื้อเอชไอวีนับว่าเป็นปัญหาระดับโลกที่หน่วยงานระดับสากล ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมุ่งหวังที่จะลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบวิธีการรักษาให้หายขาดได้ 100% แต่การพัฒนาที่ก้าวล้ำมากที่สุดในตอนนี้ คือการรักษาผู้ป่วยให้สามารถมีชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีได้อย่างปกติ และที่ขาดไม่ได้คือการพัฒนาชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ( HIV Self Test) ซึ่งมีส่วนช่วยในการตรวจคัดกรองเอชไอวีเบื้องต้นได้ง่ายดาย อีกทั้งยังเข้าถึงผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในระดับครัวเรือนอย่างทั่วถึงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคืออะไร? ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ( HIV Self Test) คือ ชุดเครื่องมือที่ทางการแพทย์ที่ได้ออกแบบมาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ที่ต้องการทราบผลเลือดได้สามารถตรวจด้วยตัวเองอย่างสะดวกรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ผ่านความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี แต่ไม่ต้องการหรือไม่สะดวกในการเข้ารับการตรวจคัดกรองยังสถานพยาบาล เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองได้มีการพัฒนาขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงการตรวจเอชไอวีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยชุดตรวจที่มีประสิทธิภาพจะต้องได้รับการรับรองจากองค์กรระดับสากลอย่างถูกต้อง ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองดีไหม น่าเชื่อถือหรือไม่?  ข้อสงสัยนี้ถือว่าเป็นหัวข้อสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากไม่มั่นใจว่าการตรวจเอชไอวีด้วยตนเองนั้น จะมีความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพแม่นยำเช่นเดียวกับการตรวจภายในสถานพยาบาลหรือไม่ ประกอบกับสามารถพบเห็นการขายชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากมาย ซึ่งง่ายและราคาค่อนข้างถูกจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าความน่าเชื่อถือของชุดตรวจจะดีหรือไม่อย่างไร โดยจากการประกาศอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2562 ได้ปลดล็อกชุดตรวจเอชไอวีให้จำหน่ายได้อย่างถูกต้องในประเทศไทย ทั้งนี้จะต้องขึ้นทะเบียนและมีคุณสมบัติต่าง ๆ ตามกำหนดอย่างเคร่งครัด หากผู้ที่ต้องการใช้งานชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองเลือกซื้อผ่านแหล่งจำหน่ายที่ได้มาตรฐานย่อมส่งผลให้ได้รับชุดตรวจที่เชื่อถือได้เช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญคือคุณสามารถหาซื้อได้อย่างสะดวกไม่ต้องเดินทางไปตรวจให้เสียเวลา ไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวทางด้านข้อมูลให้ลำบากใจอีกต่อไป ทั้งนี้ยังได้รับผลการตรวจที่แม่นยำเทียบเท่าการตรวจในสถานพยาบาลอีกด้วย บทความอื่นๆ : มารู้จักเอดส์ กับระยะของการติดเชื้อ และผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสังเกตตนเองอย่างไร จองตรวจเอชไอวี ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย…

  • ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

    การตรวจ HIV สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV จากแม่ไปยังลูกน้อย ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมบุตรได้ ซึ่งประเภทของการแพร่เชื้อชนิดนี้ เรียกว่า การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ในบทความนี้ เราจะบอกเหตุผลที่ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะมีบุตร จำเป็นต้องได้รับการตรวจ HIV รวมไปถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อนี้ และมีขั้นตอนใดที่สามารถทำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อันตรายได้

  •  การตรวจเอชไอวี

    หากพูดถึง การตรวจเอชไอวี (HIV) หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวและหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการตรวจเอชไอวี (HIV) นั้นยุ่งยาก ทำให้ไม่กล้ามาตรวจเพราะกลัว แต่จริงๆ แล้วการตรวจเอชไอวี HIV นั้นง่ายมาก เพียงแค่เจาะเลือดและรู้ผลได้เร็ว ที่สำคัญคนไทยทุกคน มีสิทธิตรวจฟรีถึงปีละ 2 ครั้ง แม้แต่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองอีกด้วยทำให้การตรวจเอชไอวี (HIV) นั้นง่ายและสะดวกกว่าเดิม เอชไอวี คืออะไร? เอชไอวี ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus คำว่า “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” หมายความว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆและทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายของคนเราสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆได้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในที่สุดทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเอช ไอ วีจะไม่สามารถต้านการติดเชื้อต่างๆได้ เช่น วัณโรคหรือมะเร็ง: เราเรียกภาวะนี้เรียกว่า ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเอดส์ ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจเอชไอวี การตรวจเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่าเราได้รับเชื้อหรือไม่ หากไม่ได้รับเชื้อจะได้รู้สึกสบายใจ แต่หากพบว่าตัวเองเสี่ยงติดเชื้อจะได้สามารถรักษาอาการได้โดยเร็ว โดยกลุ่มคนที่ควรเข้ารับการตรวจเอชไอวี ได้แก่ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยง หญิงตั้งครรภ์ ทารกที่คลอดโดยแม่ที่มีความเสี่ยง และ ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ขั้นตอนการตรวจเอชไอวี…