ออรัล เซ็กส์ (Oral Sex)
|

ออรัล เซ็กส์ (Oral Sex) อย่างไรให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย

ออรัล เซ็กส์ ถือเป็นวิธีการมีเพศสัมพันธ์ อย่างหนึ่งที่ทำให้คู่รักรู้สึกเพลิดเพลิน หากทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจ แต่ในบางครั้งการทำออรัลเซ็กส์อาจนำมาซึ่งโรคร้ายต่าง ๆ ได้ เช่น โรคติดเชื้อเอชพีวี ซิฟิลิส หรือแม้กระทั่งโรคเอดส์ ดังนั้น ก่อนจะทำออรัล เซ็กส์ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค และการทำออรัล เซ็กส์อย่างปลอดภัย

ออรัล เซ็กส์ (Oral Sex) คือ อะไร ?

Love2test”></a></div>
<p>การใช้ช่องปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น ในการกระตุ้นบริเวณอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ทวารหนัก หรือส่วนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณดังกล่าว เพื่อให้คู่นอนอีกฝ่ายเกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งทำได้ทั้งคู่รักเพศเดียวกันและคู่รักต่างเพศ การออรัล เซ็กส์นั้นเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงต่างปรารถนาเป็นอย่างมาก บางคนเพียงแค่ถูก ออรัล เซ็กส์ก็สามารถเสร็จได้โดยไม่ต้องสอดใส่</p>



<h2 class=ข้อดีของออรัล เซ็กส์ คืออะไร

ไม่ทำให้ท้อง และทำให้ฝ่ายหญิง และฝ่ายชายพอใจในเพศรสมากขึ้น และมีคนกลุ่มไม่น้อยที่ชอบออรัล เซ็กส์ มากกว่าการมีเซ็กส์จริงๆ เสียอีก

ข้อเสียของออรัล เซ็กส์ คืออะไร

สามารถติดโรคได้ทุกโรค เนื่องจากการกลืนน้ำหล่อลื่นฝ่ายหญิง หรือน้ำอสุจิของชายที่มีโรค อาจทำให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น และโรคที่มีโอกาสติดผ่านการทำรักทางปาก

ความเสี่ยงที่อาจมาพร้อม ออรัล เซ็กส์

1. ติดเชื้อเอชไอวี การทำออรัลเซ็กส์จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีน้อยกว่า การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก และช่องคลอด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสติด โดยเฉพาะถ้าช่องปากของฝ่ายรุก และอวัยวะเพศของฝ่ายรับมีแผล

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ดังนี้

“ChatLove2test"
  • หนองในแท้ สามารถติดได้ทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายรุก กรณีที่หากอีกฝ่ายมีเชื้อ 
  • หนองในเทียม 
  • ซิฟิลิส ซิฟิลิสเป็นแผลริมแข็ง เชื้อซิฟิลิสเข้าทางเยื่อบุต่างๆ ได้ ดังนั้นการสัมผัสทางปากกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หัวนม ในคนที่มีแผลริมแข็ง มีเชื้อซิฟิลิส ก็สามารถติดเชื้อซิฟิลิสได้
  • เริม ติดจากการสัมผัสผื่นเริม ดังนั้นจึงติดได้ทั้งฝ่ายรับ และฝ่ายรุก หากอีกฝ่ายมีเชื้อเริม

3. พยาธิ โดยเฉพาะพยาธิเส้นด้ายที่ชอบวางไข่รอบๆ ทวารหนัก ซึ่งอาจกระจายมาที่อวัยวะเพศ อาจทำให้ผู้ทำออรัล เซ็กส์ กลืนกินไข่พยาธิเส้นด้าย ไปเจริญเติบโตแพร่กระจายในลำไส้ใหญ่ และทวารหนักต่อได้

เชื้อเอชพีวี-มะเร็งในช่องปาก

4. เชื้อเอชพีวี ซึ่งทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ในหลอดลม ทอนซิล และช่องปาก ก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก ทอนซิลลิ้นและคอได้อีกด้วย

“PrEPLove2test"

5. โรคไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสที่ว่าถูกปล่อยจำนวนมากออกมากับอุจจาระ ทำให้สามารถติดต่อทางออรัล เซ็กส์ได้

6. โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคนี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงได้ อย่างเป็นโรคตับหรือตับเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ด้วย ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือผู้ที่ใช้สารเสพติด โดยเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจถูกพบได้หลายแห่งในร่างกาย อย่างน้ำอสุจิ เลือด น้ำลาย และอุจจาระ แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน แต่ก็มีแนวโน้มว่าการทำออรัล เซ็กส์ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้

7. โรคไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่อาจทำให้ตับเกิดการอักเสบหรืออาจทำให้ตับเสียหายอย่างร้ายแรงได้ มีช่องทางการแพร่เชื้อเหมือนกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสของโรคชนิดนี้ติดต่อผ่านการทำออรัล เซ็กส์หรือไม่ แต่หากมีเลือดออกบริเวณที่ทำออรัล เซ็กส์ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดโรคไวรัสตับอักเสบซีได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ออกจากฝ่ายที่เป็นผู้ทำออรัล เซ็กส์เอง หรืออีกฝ่ายหนึ่งก็ตาม  

8. โรคบิดชิกเกลลา  ติดต่อได้โดยการสัมผัสอุจจาระที่มีเชื้อแบคทีเรียชิกเกลลาอยู่ ดังนั้น การทำออรัล เซ็กส์ บริเวณทวารหนักจึงอาจทำให้ติดโรคนี้ได้ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย ซึ่งโรคนี้จะทำให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง หรือมีไข้ ในขณะที่บางคนก็อาจไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา แต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในอุจจาระไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์

9. การติดเชื้อทริโคโมแนส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่อาจทำให้รู้สึกแสบเมื่อปัสสาวะ มีของเหลวผิดปกติที่อวัยวะเพศหญิงหรืออวัยวะเพศชาย และช่องคลอดแดงหรือมีอาการคัน ซึ่งการติดเชื้อทริโคโมแนสเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือลำคอ ดังนั้น การทำออรัล เซ็กส์ กับผู้ที่เป็นโรคนี้จึงอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปากและลำคอได้ด้วยเช่นกัน

10. โลน เป็นปรสิตขนาดเล็กที่กินเลือดคนเป็นอาหาร อาศัยอยู่ที่ขนบริเวณอวัยวะเพศ รวมถึงขนที่บริเวณอื่น ๆ อย่างขนรักแร้ ขนหน้าอก หรือขนขา ซึ่งโลนอาจทำให้มีอาการคันอย่างรุนแรงได้ โดยปกติแล้วโลนจะติดต่อผ่านการสัมผัสอวัยวะเพศ ทวารหนัก รวมถึงการทำออรัล เซ็กส์ ด้วย

เคล็ดลับเพิ่มรสชาติให้ ออรัลเซ็กส์

  • ทำความสะอาดช่องปากให้สะอาด อย่าปล่อยให้มีกลิ่นอาหารนั้นมาทำลายบรรยากาศสุดฟินของคุณ ควรทำความสะอาดภายในช่องปากให้สะอาดทุกครั้งก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์
  • สำหรับคุณผู้ชายควรโกนหนวดให้เรียบร้อย เพราะหนวดเคราอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อฝ่ายตรงข้ามได้
  • กระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตื่นตัวด้วยการเม้มปากแรงๆ สัก 3-5 ครั้ง ที่อวัยวะเพศ
  • หากมีปัญหาช่องปาก เช่น ฟันผุ หรือมีแผลในปาก ควรรักษาให้หายก่อน เพราะอาจจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อต่างๆได้
  • ใช้ลิ้นอย่างนุ่มนวลอย่ารุนแรงจนเกินไป และรักษาจังหวะไว้เพื่อไม้ให้อีกฝ่ายอารมณ์ค้าง

ออรัลเซ็กส์อย่างไรให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อโรคร้าย

  • หากทำออรัล เซ็กส์ กับอวัยวะเพศชาย ให้สวมถุงยางอนามัยที่ไม่ผสมสารหล่อลื่น  ก่อนทำออรัล เซ็กส์ หากแพ้ยางก็ให้ใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากพลาสติกแทน
  • หากทำออรัลเซ็กส์กับอวัยวะเพศหญิง หรือทวารหนัก ให้ใช้แผ่นยางอนามัยหรือตัดถุงยางอนามัยให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมแล้ววางไว้ระหว่างปากกับอวัยวะเพศหญิงหรือทวารหนักขณะทำออรัล เซ็กส์
  • หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กส์หากคู่นอนมีความผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และปาก อย่างเป็นผื่น เป็นแผล มีอาการเจ็บคอ ติดเชื้อที่ลำคอ เป็นกามโรค หรืออยู่ในช่วงที่มีประจำเดือน
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ควรพาคู่นอน และตนเองไปตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่โรงพยาบาล หรือคลินิก
  • หากคิดว่าตนเอง หรือคู่รักอาจมีเชื้อเอชไอวี หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดก็ตาม ควรงดเว้นกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน และไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง

อ่านบทความอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • ออรัล เซ็กส์ ความสุขที่อาจมาพร้อมกับโรคร้าย https://www.pobpad.com/ออรัล-เซ็กส์-ความสุขที่อ
  • การทำรักด้วยปาก (Oral Sex) กับความเสี่ยงที่คุณอาจไม่คาดคิด https://thestandard.co/oral-sex-risks/
  • เรื่องต้องรู้ Oral Sex อย่างไรไม่ให้ผู้ชายเจ็บ https://praewwedding.com/love-and-relationships/122845

Similar Posts

  • | |

    ถุงยางอนามัย ป้องกันโรค ป้องกันลูก

    ถุงยางอนามัยมีความสำคัญในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิด ในปัจจุบัน มีถุงยางอนามัยให้เลือกใช้ ทั้งแบบสำหรับสตรีและแบบสำหรับบุรุษ  ถุงยางอนามัยคือ? ชนิดของถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยที่มีการผลิตจำหน่ายมี 3 ชนิด โดยแบ่งตามวัสดุที่ใช้ ได้แก่ 1) ชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ (Skin condom) วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นส่วนของลำไส้ส่วนล่างของแกะ ที่เรียกว่า caecum มีความหนา 0.15 มิลลิเมตร มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 62 – 80 มิลลิเมตร สวมใส่ไม่รัดรูปแต่ไม่สามารถยืดตัวได้ ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดีในขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะเชื่อว่าวัสดุจากลำไส้สัตว์ สามารถสื่อผ่านความอบอุ่นของร่างกายสู่กันได้ แต่ในประเทศไทยไม่มีการผลิตจำหน่าย เนื่องจากมีราคาสูง 3) ชนิดที่ทำจาก Polyurethane หรือ Polyisoprene (ถุงยางพลาสติก) ปัจจุบันมีการนำวัสดุอื่นมาผลิตเป็นถุงยางอนามัยด้วย เช่น สาร Polyurethane ถุงยางชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่ดี เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาดกว่าแบบที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้  และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 01…

  • รักษาหูดข้าวสุก ด้วยตัวเอง ทำได้หรือไม่

    หลายคนสงสัยว่าการ รักษาหูดข้าวสุก นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองจริงหรือเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทำได้ยากเพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าติดเชื้อมาตอนไหน และลักษณะของตุ่มก็มีความคล้ายคลึงกับโรคผิวหนังชนิดอื่นด้วย หากคิดจะ รักษาหูดข้าวสุก ควรทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้โดยตรงจะดีที่สุด ซึ่งวันนี้ เราจะมาแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการรักษาหูดข้าวสุกและการป้องกันที่คุณควรรู้เพื่อจะได้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ครับ หูดข้าวสุก คือโรคอะไรกันแน่? การวินิจฉัยโรคหูดข้าวสุก หากคุณสงสัยว่าจะเป็นโรคหูดข้าวสุก และทำการพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค ในเบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติและลักษณะอาการของโรคที่คุณกำลังเป็นอยู่ แล้วจึงเริ่มการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย เพื่อยืนยันผลการติดเชื้อไวรัสได้แม่นยำมากขึ้น ได้แก่ รักษาหูดข้าวสุก ทำได้อย่างไร? ความจริงแล้ว ในผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี คุณจะสามารถหายจากโรคหูดข้าวสุกได้เอง แม้ไม่ได้รับการรักษา ภายในครึ่งปีถึง 1 ปี แต่ร่างกายคนเรานั้น ก็ไม่อาจมองจากภายนอกอย่างเดียวได้ว่ามีความแข็งแรงแค่ไหน หากคุณไม่ได้รับการตรวจรักษา หูดข้าวสุกอาจจะยังคงอยู่ต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปีเลยทีเดียว โดยการรักษาสามารถทำได้หลายวิธี หรือแพทย์อาจพิจารณาเลือกใช้หลายวิธีร่วมกัน ขึ้นอยู่กับขนาด จำนวน และตำแหน่งของหูดข้าวสุกที่เกิดขึ้น ดังวิธีต่อไปนี้ อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ Post Views: 1,238

  • กามโรคเป็นแล้วรักษาหายได้ไหม?

    กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคหรือคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เดิมมีชื่อว่า กามโรค (venereal diseases) ในปัจจุบันมีการค้นพบโรคในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted infections, STIs) โรคที่สำคัญคือ ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และเอชพีวี กามโรค (Venereal Disease)  คืออะไร ไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส เป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และโรคติดเชื้อเมนิงโกค็อกคัส หรือไข้กาฬหลังแอ่น  บ่อยครั้งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ เชื้อไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส อยู่ในลำคอและโพรงจมูกทางด้านหลัง การแพร่เชื้อแบคทีเรียดังกล่าวไปยังคู่นนอน ผ่านการทำออรัลเซ็กส์ การจูบแบบดูดดื่ม หรือการกระทำอื่น ๆ ที่ถ่ายทอดเชื้อจากละอองเสมหะ 2. เชื้อไมโคพลาสมา เจนิตาเลียม (Mycoplasma genitalium) โรคบิดไม่มีตัว หรือโรคบิดชิเกลลา แพร่สู่กันผ่านการสัมผัสทางตรงและทางอ้อมกับอุจจาระมนุษย์ ผู้ติดเชื้อจะมีอาการปวดท้องรุนแรง และถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด  4. ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum หรือ…

  • โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร? รู้ไว้ ป้องกันได้!

    โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่พบได้บ่อยและมีผลกระทบต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่ติดเชื้อ โรคหูดหงอนไก่ถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสุขภาพทางเพศ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดความไม่สบายกายและจิตใจแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศในระยะยาว โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากอะไร? การวินิจฉัย โรคหูดหงอนไก่ แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหูดหงอนไก่ได้โดย: การรักษา โรคหูดหงอนไก่ แม้ว่าเชื้อ HPV ไม่สามารถกำจัดออกจากร่างกายได้ 100% แต่การรักษาสามารถช่วยลดอาการและลดการแพร่เชื้อได้ วิธีการรักษา ได้แก่: “รู้ไว้ ป้องกันได้ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจและการดูแลตัวเอง” อ้างอิง Post Views: 1,344

  • |

    ซิฟิลิส รู้เร็ว รักษาได้

    ซิฟิลิส ซึ่งมีลักษณะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพทั่วโลก โรคนี้เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่ชื่อ Treponema pallidum ถึงแม้จะมีการพัฒนาทางการแพทย์และแนวทางด้านสุขภาพสาธารณะ แต่โรคซิฟิลิสยังคงเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากลักษณะที่หลากหลายของโรค ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงและการแพร่กระจายต่อไป

  • |

    ไวรัสตับอักเสบบี มีสาเหตุมาจากอะไร?

    ไวรัสตับอักเสบบี เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ยังถูกพบจำนวนมาก ในประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่โรคร้ายแรงต่อตับของร่างกาย ได้แก่ โรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง และโรคตับวาย เป็นต้น ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าตัวเองติดไวรัสตับอักเสบบีอยู่ เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจว่าโรคชนิดนี้มีสาเหตุมาจากอะไร โดยบทความนี้จะแสดงรายละเอียดถึงโรคไวรัสตับอักเสบบีทั้งหมด รู้จักไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อกันอย่างไร เชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะสามารถติดต่อกันผ่านทางเลือด และสารคัดหลั่งของมนุษย์เป็นหลัก การที่จะรู้ได้ว่าคุณติดเชื้อแล้วหรือไม่ จะต้องมีการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้ ความเสี่ยงเหล่านี้ อาจทำให้คุณติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี ได้ ไวรัสตับอักเสบบี หายขาดหรือไม่ โรคนี้สามารถหายขาดได้ หากตรวจพบเชื้ออย่างรวดเร็ว หรืออยู่ในระยะอาการแบบเฉียบพลัน เฉลี่ยใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือน แต่สำหรับในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีระยะอาการตับอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะต้องทำการตรวจวินิจฉัย และวางแผนในการรักษาอย่างรอบคอบต่อไป ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ Post Views: 1,240