เริมที่ปาก ติดต่อกันได้หากไม่ระวัง !!
เริมที่ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) ส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำขนาดเล็กบริเวณปาก หรือรอบ ๆ ริมฝีปาก ในลักษณะกระจุกตัวกัน บางรายอาจเกิดภายในช่องปากร่วมด้วย และมักส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวด สามารถแพร่เข้าสู่ร่างกายได้ผ่านการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อ แม้กระทั่งการดื่มน้ำแก้วเดียวกันก็มีโอกาสติดต่อกันได้หากไม่ระวัง !!
อาการเริมที่ปาก
อาการของเริมที่ปาก เมื่อได้รับเชื้อไวรัสจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ จะรู้สึกแสบร้อน มีรอยแดง และคันบริเวณที่ติดเชื้อก่อนจะมีแผล หลังจากนั้นจะเกิดเป็นตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มบริเวณ ปาก รอบปาก ในช่องปาก อาจมีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองบวมร่วมด้วย แต่แผลเหล่านี้จะตกสะเก็ด และหายไปได้เองได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
เริมที่ปากติดต่อกันได้อย่างไร ?
เริมที่ปาก สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำลาย สารคัดหลั่ง อสุจิ น้ำเหลือง เยื่อบุปาก บาดแผลบนผิวหนัง การจูบ การทำออรัลเซ็กส์ การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น มีดโกน ช้อนส้อม ผ้าเช็ดตัว เครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ทั้งนี้ เริมที่ปากหากรักษาหายแล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
การวินิจฉัยเริมที่ปาก
การวินิจฉัยเริมที่ปาก แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจอาการ และตรวจดูลักษณะของตุ่มน้ำใสหรือแผลพุพอง จากนั้นจะทำการทดสอบทางแล็บปฏิบัติการ เช่น การทดสอบ PCR Test โดยการตรวจตัวอย่างเลือดหรือเนื้อเยื่อบริเวณบาดแผลผ่านการส่องกล้อง การเพาะเชื้อ และตรวจแอนติบอดี้ในร่างกายเพื่อวัดระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส Herpes Simplex Virus ที่เป็นสาเหตุของเริม
ปัจจัยที่ทำให้เริมที่ปาก กลับมาเป็นซ้ำ
- ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ระหว่างมีประจำเดือน
- อากาศร้อน การอยู่ท่ามกลางแสงแดด
- ความเครียด หรือภาวะทางอารมณ์
การป้องกันเริมที่ปาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล สารคัดหลั่ง ของผู้ที่ติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า แก้วน้ำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัด
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เมื่อทำออรัลเซ็กส์
- ตรวจเลือดเป็นประจำทุกปีเพื่อวัดระดับภูมิคุ้มกันร่างกาย
นอกจากนี้ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการติดเริมได้
เริมที่ปากรักษาอย่างไร ?
เริมที่ปาก สามารถรักษาให้หายได้(แต่ไม่หายขาด) ในปัจจุบันทำได้เพียงบรรเทาอาการและทำให้แผลหายเร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งยาที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) แฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาเริม และอาจช่วยบรรเทาอาการรุนแรงได้ นอกจากทานยาตามที่แพทย์ให้มาอย่างครบถ้วนแล้ว การดูแลแผลให้ถูกต้องจะช่วยให้หายเร็วขึ้นอีกด้วย
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- หนองใน (Gonorrhea) | โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง
- กามโรคเป็นแล้วรักษาหายได้ไหม?
ขอบคุณข้อมูล : hellokhunmor
เริมที่ปาก แม้จะไม่ใช่โรคที่มีความอันตราย แต่ก็เป็นโรคที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากไม่ระมัดระวังให้ดี ฉะนั้นทางที่ดีที่สุด ควรรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ