โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร? รู้ไว้ ป้องกันได้!

โรคหูดหงอนไก่

โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ที่พบได้บ่อยและมีผลกระทบต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลก โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่ติดเชื้อ โรคหูดหงอนไก่ถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสุขภาพทางเพศ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดความไม่สบายกายและจิตใจแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนบางชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศในระยะยาว

โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากอะไร?

โรคหูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ แต่มีเพียงบางสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ โดยส่วนใหญ่เกิดจากสายพันธุ์ HPV-6 และ HPV-11 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำต่อมะเร็ง อย่างไรก็ตาม บางสายพันธุ์ เช่น HPV-16 และ HPV-18 อาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศ และมะเร็งบริเวณอื่นๆ ได้ในระยะยาว

Love2test”></a></div>




<h2 class=การแพร่กระจายของเชื้อ HPV

HPV สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทาง:

  • การมีเพศสัมพันธ์ – เป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุดในการแพร่เชื้อ HPV ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก
  • การสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังที่ติดเชื้อ – แม้ว่าจะไม่มีการสอดใส่ อวัยวะเพศที่สัมผัสกันโดยตรงก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน – แม้จะพบได้น้อย แต่การใช้ผ้าเช็ดตัวหรือของใช้ที่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก – หญิงตั้งครรภ์ที่มีหูดหงอนไก่อาจแพร่เชื้อให้ทารกระหว่างคลอด ทำให้ทารกมีโอกาสติดเชื้อที่ลำคอหรือทางเดินหายใจ

อาการของโรคหูดหงอนไก่

อาการของโรคหูดหงอนไก่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ แต่ยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ติ่งเนื้อเล็ก ๆ สีชมพู สีเนื้อ หรือสีขาว – มักขึ้นเป็นกลุ่มคล้ายดอกกะหล่ำ บริเวณอวัยวะเพศหรือรอบทวารหนัก
  • อาการคันหรือระคายเคือง – บางครั้งหูดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหรือคัน
  • เลือดออกจากบริเวณหูด – โดยเฉพาะเมื่อหูดได้รับการเสียดสีจากเสื้อผ้าหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
  • หูดภายในปากหรือคอ – อาจเกิดขึ้นหากมีการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก

การวินิจฉัย โรคหูดหงอนไก่

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหูดหงอนไก่ได้โดย:

  • การตรวจร่างกาย – ดูลักษณะของหูดที่อวัยวะเพศหรือบริเวณรอบ ๆ
  • การใช้กรดอะซิติก (Acetic Acid Test) – ทาบริเวณที่สงสัยเพื่อทำให้หูดเห็นได้ชัดขึ้น
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ – อาจใช้การตรวจ HPV DNA เพื่อระบุสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก

การรักษา โรคหูดหงอนไก่

การรักษา โรคหูดหงอนไก่

แม้ว่าเชื้อ HPV ไม่สามารถกำจัดออกจากร่างกายได้ 100% แต่การรักษาสามารถช่วยลดอาการและลดการแพร่เชื้อได้ วิธีการรักษา ได้แก่:

“ChatLove2test"

การใช้ยา

  • ยาทาเฉพาะที่ เช่น Podophyllin, Imiquimod, Sinecatechins – ช่วยทำลายหูด
  • ยากินหรือยาฉีดเสริมภูมิคุ้มกัน – ในบางกรณีแพทย์อาจให้ยาเพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัส

วิธีการทางการแพทย์

  • การจี้ด้วยไนโตรเจนเหลว (Cryotherapy) – ใช้ความเย็นจัดเพื่อทำให้หูดหลุดออก
  • การจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrocautery) หรือเลเซอร์ – ใช้กำจัดหูดขนาดใหญ่
  • การผ่าตัด – ในกรณีที่หูดมีขนาดใหญ่มากหรือรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล

การป้องกัน โรคหูดหงอนไก่

วัคซีน HPV

การฉีดวัคซีน HPV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งที่เกิดจากเชื้อ HPV ปัจจุบันมีวัคซีนที่ได้รับการรับรอง เช่น Gardasil 9 ซึ่งสามารถป้องกันสายพันธุ์ HPV-6, HPV-11 (ที่ก่อให้เกิดหูดหงอนไก่) และสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็ง เช่น HPV-16 และ HPV-18

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ – แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน – ยิ่งเปลี่ยนคู่นอนบ่อย โอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งสูงขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ติดเชื้อโดยตรง – หากมีอาการควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะได้รับการรักษา

การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • ผู้หญิงควรตรวจ Pap Smear และ HPV DNA Test ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการติดเชื้อ HPV
  • ผู้ชายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ควรเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ

โรคหูดหงอนไก่เป็นโรคที่พบได้บ่อยและเกิดจากเชื้อ HPV แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความไม่สบายและความเครียดได้ การป้องกันโดยการฉีดวัคซีน HPV การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หากพบว่ามีอาการควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

“PrEPLove2test"

“รู้ไว้ ป้องกันได้ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจและการดูแลตัวเอง”

อ้างอิง

  1. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2023). Genital HPV Infection – Fact Sheet. Retrieved from https://www.cdc.gov/std/hpv/stdfact-hpv.htm
  2. World Health Organization (WHO). (2023). Human Papillomavirus (HPV) and Cervical Cancer. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/human-papillomavirus-(hpv)-and-cervical-cancer
  3. American Sexual Health Association (ASHA). (2023). HPV and Genital Warts. Retrieved from https://www.ashasexualhealth.org/hpv/
  4. National Health Service (NHS), UK. (2023). Genital Warts – Causes, Symptoms, and Treatment. Retrieved from https://www.nhs.uk/conditions/genital-warts/
  5. Mayo Clinic. (2023). Genital Warts – Symptoms and Causes. Retrieved from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/genital-warts/symptoms-causes/syc-20355234

Similar Posts

  • หูดหงอนไก่ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหากรู้จักป้องกัน

    หูดหงอนไก่ คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) รอยโรคจะมีลักษณะก้อนหูดขนาดเล็ก ไปจนถึงใหญ่ ตำแหน่งที่มักพบได้บ่อยคือ บริเวณเยื่อบุผิวที่ตำแหน่งอวัยวะเพศ เช่น ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ เยื่อหุ้มปลายองคชาต หูดหงอนไก่สามารถป้องกันได้โดยการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้มีการต่อต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้ ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ซึ่งสามารถฉีดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หูดหงอนไก่มีลักษณะอาการอย่างไร ? หูดหงอนไก่ จะมีลักษณะ เป็นตุ่มหรือแผ่นนูน นิ่มๆ คล้ายดอกกะหล่ำ สีชมพูหรือสีเดียวกับผิวหนัง ยื่นออกมาบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียง ตำแหน่งพบได้บ่อย ได้แก่ ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก ท่อปัสสาวะ เยื่อหุ้มปลายองคชาต โดยส่วนใหญ่แล้วหูดหงอนไก่จะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง เว้นแต่ในบางกรณีหูดหงอนไก่อาจสร้างความเจ็บปวดจนทำให้ต้องทำการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ หูดหงอนไก่ป้องกันได้อย่างไร ? การป้องกันหูดหงอนไก่ที่ดีที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัส HPV เข้าสู่ร่างกาย ด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ นอกจากนี้ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน HPV ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ทั้งหูดหงอนไก่ และมะเร็งปากมดลูก การรักษาหูดหงอนไก่ การรักษาหูดหงอนไก่ทำได้หลายวิธี…

  • หนองใน (Gonorrhea) | โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง

    หนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ส่วนใหญ่ติดต่อกันผ่านทางเพศสัมพันโดยไม่ได้ป้องกัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด หนองจากอวัยวะเพศ หรือมีตกขาวผิดปกติออกมาทางช่องคลอด หนองในสามารถพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้การติดเชื้อลุกลามหรือมีภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งหนองในแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ การวินิจฉัยหนองใน หนองใน สามารถตรวจวินิจฉัยได้โดยการเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งเพาะเชื้อ แต่หากมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือมีอาการแสดงบริเวณช่องปากหรือลำคอ อาจเก็บตัวอย่างจากลำคอ หากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหรือมีอาการแสดงบริเวณทวารหนัก อาจเก็บตัวอย่างจากทวารหนัก หากมีอาการหนองในแสดงบริเวณอวัยวะเพศ อาจเก็บตัวอย่างจากปลายองคชาต หรือบริเวณปากมดลูก

  • เริมที่อวัยวะเพศ รักษาอย่างไร

    เริมที่อวัยวะเพศ เป็นหนึ่งในโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อ ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีโอกาสจะมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าได้ และทำให้ติดโรคเริมที่อวัยวะเพศมา ความน่ากลัวของเชื้อเริมนี้ คือ เมื่อคุณติดแล้วจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ไม่สามารถหายขาดได้อย่างสนิทใจสักที หากคุณไม่ทำการรักษาก็จริงลุกลามเป็นแผล ส่งผลให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ครับ เริมที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุจากอะไร โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างเริมที่อวัยวะเพศนั้น จัดเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสยอดฮิตที่ชื่อ เอชเอสวี (HSV : Herpes Simplex Virus) อ่านว่า เฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ไวรัส แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ โรคเริมอวัยวะเพศ ส่งผลร้ายอย่างไร ถึงแม้โรคเริม จะไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากมีแผลเริมที่อวัยวะเพศจะเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อโรคอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ยิ่งหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อ่อนแอง่าย และเร่งให้เชื้อเริมกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ทั้งที่ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วก็ตาม การรักษา เริมที่อวัยวะเพศ วิธีรักษาเริมที่อวัยวะเพศจะเน้นรักษาตามอาการ โดยจะใช้ทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาไปพร้อมกัน โดยจะเป็นยาในกลุ่มต้านไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ เพราะไม่สามารถใช้ยารักษาไวรัสเริมที่เกิดบริเวณปากได้…

  • รักษาซิฟิลิส ไม่ต่อเนื่อง เสี่ยงอันตราย

    ว่าด้วยเรื่องของการ รักษาซิฟิลิส เพราะเป็นโรคที่ร้ายแรง และสามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย โดยมีอาการที่ไม่ค่อยแสดงออกมา แต่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นการ รักษาซิฟิลิส จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดได้อย่างแน่นอน ความสำคัญของการ รักษาซิฟิลิส โรคซิฟิลิส คือ สภาวะที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันโจมตีเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอวัยวะ หรือเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้เกิดอาการอักเสบและความเสียหายต่อร่างกายได้ เชื้อซิฟิลิส เป็นโรคที่รุนแรงและเป็นอันตรายถ้าไม่ได้รับการรักษาซิฟิลิส ให้เหมาะสม การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส จะใช้การตรวจเลือด และการตรวจเนื้อเยื่อ เพื่อหาสารที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า การโจมตีเนื้อเยื่อจากระบบภูมิคุ้มกันหรือไม่ การรักษาโรคซิฟิลิส จะใช้ยาเข้าควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน หรือการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่ถูกโจมตีออกจากร่างกาย อีกทั้งยังมีการรักษาโดยใช้เซลล์เอกซ์ไทร์ภูมิคุ้มกัน หรือการฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันด้วย ในบางกรณีอาจพบอาการแสดงอื่นๆ เช่น ผื่นขึ้นที่ผิวหนังหรืออาการเจ็บคอ การรักษาโรคซิฟิลิสจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้วการรักษาจะใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก แต่ในกรณีที่เกิดภาวะที่รุนแรงอาจต้องใช้การรักษาที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเฉพาะทางได้ ดังนั้น หากมีอาการของโรคซิฟิลิส ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาซิฟิลิส ที่ถูกต้องและทันเวลา การตรวจ รักษาซิฟิลิส ในห้องปฏิบัติการ การตรวจโรคซิฟิลิส สามารถทำได้โดยใช้วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยหลักการจะเป็นการเพาะเชื้อจากตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ เช่น สารอาหาร อุจจาระ หรือเลือด…

  • |

    ซิฟิลิส รู้เร็ว รักษาได้

    ซิฟิลิส ซึ่งมีลักษณะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพทั่วโลก โรคนี้เกิดขึ้นจากแบคทีเรียที่ชื่อ Treponema pallidum ถึงแม้จะมีการพัฒนาทางการแพทย์และแนวทางด้านสุขภาพสาธารณะ แต่โรคซิฟิลิสยังคงเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากลักษณะที่หลากหลายของโรค ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงและการแพร่กระจายต่อไป

  • ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีผลกระทบต่อทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อบางอย่างสามารถรักษาได้เพื่อให้คุณ และคู่นอนของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรง และคุณเองสามารถป้องกันตัวเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ STI  คืออะไร? โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections; STI)  คือ การติดเชื้อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ โดยผ่านการจูบ, การสัมผัสหรือถูอวัยวะเพศ, การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (การใช้ปากกับอวัยวะเพศ), การร่วมเพศ (องคชาตในช่องคลอด องคชาตในทวารหนัก), การใช้เซ็กซ์ทอย รวมถึง การติดเชื้อจากแม่ไปสู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ ระหว่างคลอด และหลังคลอด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รักษาไม่หายขาด วิธีการป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำอย่างไรได้บ้าง อ่านบทความอื่นๆ