ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV

การตรวจ HIV สำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV จากแม่ไปยังลูกน้อย ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมบุตรได้ ซึ่งประเภทของการแพร่เชื้อชนิดนี้ เรียกว่า การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ในบทความนี้ เราจะบอกเหตุผลที่ทำไมผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่วางแผนจะมีบุตร จำเป็นต้องได้รับการตรวจ HIV รวมไปถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแพร่เชื้อนี้ และมีขั้นตอนใดที่สามารถทำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อันตรายได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ กับการติดเชื้อ HIV

Love2test”></a></div>
<p>Mother to Child Transmission หรือ MTCT หมายถึง การติดเชื้อจากแม่ผู้มีเชื้อ HIV ไปยังลูกในช่วงการตั้งครรภ์ การคลอด เเละการให้นมลูกด้วยนมแม่ ในเชิงพันธุกรรมของโรคเอดส์หรือเอชไอวี การติดเชื้อ MTCT เกิดขึ้นเมื่อเชื้อไวรัสถูกส่งต่อจากแม่ผู้ติดเชื้อ HIV ไปยังลูกขณะที่อยู่ในช่วงเหล่านี้</p>



<p>เราสามารถป้องกันโอกาสที่คุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งเชื้อไปยังลูกน้อยได้ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ที่จะช่วยลดปริมาณเอชไอวีในเลือด และของเหลวในร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์ และสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อให้กับเด็กน้อยในครรภ์ได้ มีการแนะนำการปฏิบัติอื่นๆ เช่น การผ่าตัดคลอด และการงดให้นมเด็กด้วยนมแม่ เพื่อป้องกันและรักษาอย่างเหมาะสม โอกาสของ MTCT จะลดลงอย่างมาก ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่ติด<a href=เชื้อเอชไอวี มีลูกที่มีสุขภาพแข็งแรง และไม่ติดเชื้อเอชไอวี

ทำไม คุณแม่ตั้งครรภ์ ต้องตรวจ HIV?

ผู้หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับการตรวจเอชไอวี เพราะเอชไอวีสามารถติดต่อจากผู้หญิงตั้งครรภ์ ไปยังทารกของเธอได้ ในช่วงการตั้งครรภ์ การคลอดลูก หรือการให้นมบุตร แต่หากได้รับการดูแลรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ที่เหมาะสม อาการติดเชื้อที่สามารถส่งต่อจากแม่ไปยังลูกน้อยจะลดลงอย่างมาก

“Quicky"

หากคุณแม่ตั้งครรภ์ ติดเชื้อเอชไอวี และไม่ได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเหมาะสม จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไปยังทารกของเธออย่างมาก ในความเป็นจริง โดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ ความเสี่ยงที่จะส่งต่อโรคจากแม่ไปยังลูกน้อยนั้นประมาณ 15-45% ดังนั้น แนะนำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ทุกคนทำการตรวจเอชไอวี เป็นส่วนประกอบของการดูแลสุขภาพเป็นประจำก่อนคลอด หากพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะสามารถได้รับการดูแลและรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสไปยังทารกของเธอ และป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเองในอนาคต

การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ใน คุณแม่ตั้งครรภ์

การวินิจฉัยการติดเชื้อ HIV ใน คุณแม่ตั้งครรภ์

การตรวจเชื้อเอชไอวีระหว่างการฝากครรภ์เป็นวิธีที่พบได้มากที่สุดในการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ การทดสอบจะตรวจพบเอ็นไซม์ที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือความเป็นมาตรฐานของสารพันธุกรรมเอชไอวีในเลือด หากผู้หญิงทดสอบพบว่าติดเชื้อเอชไอวีระหว่างการตั้งครรภ์ จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาค่าไวรัสเอชไอวีในเลือด (จำนวนของเชื้อไวรัสในเลือด) และการนับเซลล์เอชไอวี CD4 (การวัดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน) การตรวจเชื้อเหล่านี้จะช่วยกำหนดการดูแลและการรักษาที่เหมาะสมที่จะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังทารกและป้องกันการเสียชีวิตของแม่

“ChatLove2test"

การรักษาและดูแล คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ติดเชื้อเอชไอวี

การรักษาเชื้อเอชไอวีในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเอนตี้รีโทรไวรัส (ART) เป็นการรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ตั้งครรภ์ การใช้ยา ART เป็นการใช้ร่วมกันของหลายชนิดของยาที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัส ลดจำนวนของเชื้อไวรัสในเลือดและของออกซิเจนของแม่และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังทารกการใช้ ART มักจะเริ่มต้นในช่วงตั้งครรภ์และต่อเนื่องไปยังช่วงคลอดและหลังคลอด ในบางกรณีอาจแนะนำการผ่าตัดคาดคลอดก็ได้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างการคลอด ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีแนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้นมบุตร เนื่องจากอาจทำให้เชื้อไวรัสถูกส่งต่อไปยังทารกได้

ประโยชน์ในการตรวจ HIV

  • การตรวจพบเชื้อเอชไอวีในคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่รวดเร็ว สามารถลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อจากแม่ไปยังทารกได้
  • การวินิจฉัย และรักษาโรคเอชไอวีจะช่วยป้องกัน หรือเลื่อนการเริ่มต้นของโรคที่เกี่ยวกับเอชไอวีในแม่ได้
  • ช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ได้รับการดูแลและรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสุขภาพของทั้งคู่
  • ผู้หญิงที่ตรวจพบเชื้อเอชไอวีในช่วงการตั้งครรภ์ สามารถรับการปรึกษาและการสนับสนุน เพื่อช่วยให้พวกเขาเผชิญกับการวินิจฉัยและจัดการโรคได้
  • การตรวจเอชไอวีระหว่างการตั้งครรภ์ ยังช่วยลดความเสียหายที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโดยการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจและการวินิจฉัยในช่วงเร็ว
  • การตรวจและรักษาโรคเอชไอวีในผู้หญิงตั้งครรภ์ ในช่วงเวลาที่รวดเร็วสามารถเพิ่มโอกาสให้แม่มีการตั้งครรภ์ที่เหมาะสมและเกิดบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรงได้

การป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยเชื้อเอชไอวี

นอกจากการใช้ยาต้านเอชไอวีแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่ไปยังลูก เช่น

“PrEPLove2test"
  • การป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ (PrEP): PrEP เป็นยาที่สามารถทานได้เฉพาะคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ เมื่อมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อในช่วงการตั้งครรภ์ บางครั้ง PrEP จะเป็นทางเลือกที่แนะนำ
  • การป้องกันหลังถูกเชื้อ (PEP): PEP เป็นยาที่สามารถทานได้เฉพาะคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี แต่ได้รับความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เมื่อมีการสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี ในช่วงการคลอดหรือเหตุการณ์อื่น ๆ
  • การคลอดด้วยวิธีผ่าทำคลอด: บางกรณีอาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าทำคลอด (C-section) เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อในช่วงการคลอด วิธีการผ่าทำคลอดสามารถสำคัญมากสำหรับผู้หญิงที่มีเชื้อเอชไอวีปริมาณที่สูง (High Viral Load) หรือที่ไม่เคยได้รับการรักษาที่เหมาะสมมาก่อนหน้านี้
  • หลีกเลี่ยงการให้นมบุตร: คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้นมลูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็กน้อย ควรใช้วิธีการให้นมอื่น เช่น นมสูตร นมผง หรือนมจากผู้บริจาคแทน
การป้องกันการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยเชื้อเอชไอวี

อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อาการซึมเศร้า ของผู้ติดเชื้อ HIV เอาชนะอย่างไร?

อะไรคือ เพร็พกับเป๊ป

ถ้าถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี ระหว่างการตั้งครรภ์ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า และท้อแท้ใจได้ แต่ด้วยการดูแลรักษาทางการแพทย์ และการสนับสนุนที่เหมาะสมจากสามี หรือครอบครัว คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ยังสามารถมีการตั้งครรภ์ที่ดี และสามารถคลอดลูกออกมาเป็นเด็กที่แข็งแรงได้ การทำการตรวจโรค การวินิจฉัยเร็ว การให้ยารักษาอาการเอชไอวี (ART) และการเลือกวิธีการคลอด การให้นมบุตรที่เหมาะสม สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อระหว่างแม่และเด็กลงได้ สำคัญคือ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความร่วมมือกับแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีสุดครับ

Similar Posts

  • PrEP ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร? รวมคำตอบที่ควรรู้

    ในยุคที่การป้องกันเอชไอวี (HIV) มีความสำคัญอย่างยิ่ง PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis ได้กลายเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้เกือบ 100% หากใช้ถูกต้องและต่อเนื่อง การมีข้อมูลที่ถูกต้องว่า PrEP ซื้อที่ไหน และราคาเท่าไร จึงเป็นคำถามสำคัญที่ผู้คนจำนวนมากอยากได้คำตอบอย่างชัดเจน การหาซื้อ PrEP ไม่ใช่แค่การซื้อยา แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คุณภาพของยา การดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม บทความนี้จะอธิบายทุกประเด็นที่คุณควรรู้ ตั้งแต่พื้นฐานของ PrEP ความสำคัญ ราคา ช่องทางซื้อ ไปจนถึงปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มใช้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกการตัดสินใจจะเป็นไปอย่างรอบคอบและปลอดภัย ยา PrEP คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ นอกจากนี้ การติดตามผลทุก 3 เดือนถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ PrEP เพราะช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้ยังคงปลอดจากเชื้อเอชไอวี รวมถึงช่วยประเมินผลข้างเคียงจากการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง การมีแพทย์คอยกำกับดูแลจึงไม่เพียงแค่ทำให้การใช้ PrEP ปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ยังทำให้ผู้ใช้ได้รับการดูแลสุขภาพในภาพรวมอย่างครบถ้วนอีกด้วย ราคา PrEP ในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายในการรับบริการ PrEP (เพร็พ) ในประเทศไทย จะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล รวมถึงการสนับสนุนจากโครงการด้านสุขภาพต่าง…

  • |

    U=U&ME แคมเปญใหม่เพื่อหยุดตีตราผู้ติดเชื้อ!

    เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ได้มีการจัดถ่ายภาพที่ Crimson Studio ในกรุงเทพฯ สำหรับแคมเปญที่ชื่อว่า “U=U&ME” ซึ่งดำเนินการโดยมูลนิธิ Love Foundation Thailand แคมเปญนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับเอชไอวี โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และการต่อต้านการตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • |

    โรคเอดส์ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ป้องกันได้ รักษาได้

    “โรคเอดส์” หรือ AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินมาตั้งแต่อดีต และในบางครั้งยังถูกใช้อย่างคลาดเคลื่อน จนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ซึ่งเป็นไวรัสต้นเหตุของโรคเอดส์อย่างแท้จริง บางคนเข้าใจว่า HIV และเอดส์คือสิ่งเดียวกัน หรือเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาได้และต้องเสียชีวิตในเวลาอันสั้น แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันความรู้ทางการแพทย์ได้พัฒนาไปไกลมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจโรคเอดส์ อย่างถูกต้อง แยกให้ออกระหว่างการติดเชื้อ HIV กับการเป็นเอดส์ พร้อมทั้งพูดถึงวิธีการป้องกัน การรักษา และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน HIV และเอดส์ ต่างกันอย่างไร ? อาการเหล่านี้มักไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน และมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัย HIV จึงเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด การวินิจฉัยและตรวจหา HIV การตรวจ HIV ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งในโรงพยาบาล คลินิกเวชกรรม หรือคลินิกชุมชนที่ให้บริการโดยไม่เปิดเผยชื่อ นอกจากนี้ยังมีชุดตรวจ HIV ด้วยตนเองที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต การตรวจควรทำภายหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างน้อย 2 – 4 สัปดาห์ และอาจต้องตรวจซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ หากพบว่าติดเชื้อ…

  • | | | |

    ตรวจเอชไอวีไม่เจอ เป็นเพราะอะไรได้บ้าง?

     การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี  ถ้าผลตรวจออกมาเป็นลบ หรือไม่เจอเชื้อ ก็เป็นการได้เริ่มต้นป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง หรือถ้าตรวจเจอเชื้อ ก็ถือว่าเป็นการรู้ตัวก่อนที่จะป่วยขึ้นมา เพื่อได้เข้าสู่กระบวนการรักษาแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ป่วยหรือ เสียชีวิตจากโรคเอดส์ อีกทั้งสามารถป้องกันคนที่เรารักและคนอื่นๆ ไม่ให้ติดเชื้อจากเราได้ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี สามารถแบ่ง 2 ลักษณะ คือ ตรวจคัดกรอง และตรวจยืนยัน ทำไมถึงต้องตรวจคัดกรองก่อน เพราะปัจจุบัน การตรวจยืนยัน ยังอาจใช้เวลานาน กว่าจะทราบผล และมีผู้ป่วยมารับบริการจำนวนมาก ดังนั้นหากมีการตรวจคัดกรองมาก่อน ก็จะสามารถช่วยคัดกรองผู้ป่วย ที่มีโอกาสพบเชื้อ กับผู้ที่ไม่มีโอกาสพบเชื้อ ให้สามารถเข้าสู่ระบบการตรวจรักษาได้เร็วขึ้น และลดภาระงาน ในการตรวจของเจ้าหน้าที่ได้มากขึ้น ตรวจเอชไอวีไม่เจอ เกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง การจะแพร่เชื้อได้นั้น จะต้องมีปริมาณของเชื้อไวรัสมากพอสมควร โดยเกณฑ์ที่ใช้เทียบเคียง คือ ต้องมีปริมาณไวรัสในเลือดตั้งแต่ 200 – 1,000 copies/ซีซีของเลือด จึงจะสามารถแพร่เชื้อได้ และชุดตรวจเอชไอวีในปัจจุบัน สามารถตรวจได้ต่ำสุดตั้งแต่ 20-50 copies/ซีซีของเลือด ปัจจุบันวิธีการตรวจจะพัฒนาขึ้นมาก และสามารถตรวจได้เร็วสุดภายในหนึ่งสัปดาห์ ด้วยวิธีการตรวจแบบ NAT แต่หากตรวจด้วยวิธีอื่น ระยะเวลาที่ดีที่สุดที่สมควรตรวจ คือ 30…

  • |

    วิธีการรักษาผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวี

    ผื่นที่ผิวหนัง เป็นอาการทั่วไปเมื่อเกิดการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ขึ้น อาการมักจะเป็นสัญญาณเริ่มแรก และมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2 – 3 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างก่าย ซึ่งอาการผื่นอาจไม่ได้เป็นเกิดจากการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ได้ด้วย ผื่นที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี ผื่นที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี มักจะเป็นจุดด่างดวงบนผิวหนัง ถ้าเป็นคนผิวขาวก็จะเป็นจุดสีแดง แต่ถ้าเป็นคนผิวสีเข้มก็จะเป็นสีดำอมม่วง โดยความรุนแรงของผื่นจะไม่เท่ากันในแต่ละคน บางคนก็อาจจะมีผื่นขึ้นรุนแรงมากเป็นบริเวณกว้าง ในขณะที่บางคนก็อาจจะมีผื่นขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าผื่นที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี เป็นผลมาจากยาต้านไวรัส ผื่นจะเป็นรอยแผลแดงบวมไปทั่วร่างกาย ผื่นแบบนี้เรียกว่า ผื่นแพ้ยา สังเกตว่าผื่นขึ้นตรงไหล่ หน้าอก ใบหน้า ท่อนบนของร่างกาย และมือหรือไม่ ผื่นเอชไอวีจะมีอาการเจ็บ และคัน ในช่วงเวลาที่ ผื่นปรากฏและจะมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นอาการเริ่มแรกของการติดเชื้อเอชไอวี อาการเหล่านี้ สาเหตุของผื่นจากเชื้อเอชไอวี ผื่นเกิดจากการที่เซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลง จะเกิดขึ้นในระยะไหนของการติดเชื้อก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว มีผื่นจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากที่คุณได้รับเชื้อ เป็นระยะที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงในตัวอย่างเลือด ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราสามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้จากการตรวจเลือด แต่บางคนก็อาจจะไม่ผ่านขั้นตอนนี้ แต่จะมีผื่นขึ้นหลังจากติดเชื้อไวรัสไปถึงระยะอื่นแล้วก็ได้ และนอกจากนี้ผื่นเอชไอวี ยังอาจเป็นอาการแพ้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ก็ได้ เช่น Amprenavir Abacavir และ…

  • โรคเอดส์ (AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome)

    คนส่วนใหญ่มักจะเข้าผิดว่าผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยโรคเอด์ เป็นโรคเดียวกัน จริงๆ แล้วผู้ที่ได้รับเชื้อเชื้อเอชไอวี ระยะแรกจะยังไม่เป็นโรคเอดส์จนผู้ติดเชื้อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จนผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ จึงจะเรียกว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคเอดส์คืออะไร? สาเหตุของโรคเอดส์ มาจากการได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี ผ่านทางการรับของเหลว เช่น เลือด น้ำนมแม่ น้ำอสุจิ ของเหลวในช่องคลอด โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะได้รับผ่านจากการมีเพศสัมพันธ์ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับบุคคลอื่น ทั้งนี้การที่ไวรัสส่งผ่านทางของเหลวทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี สามารถส่งผ่านเชื้อไวรัสจากแม่ไปยังลูกในครรภ์ หรือผ่านทางน้ำนม ได้เช่นกัน  อาการของโรคเอดส์ อาการโรคเอดส์ระยะเริ่มแรก หรือเรียกระยะเฉียบพลัน ในระยะแรกนี้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี จะมีอาการไข้ เจ็บคอ ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเป็นอาการตอบสนองของร่างกายจากการได้รับเชื้อ อาการท้องเสียของคนเป็นเอดส์ จะมีอาการถ่ายเหลว มีน้ำเยอะมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรืออาจมีมูกเลือดปนออกมาด้วยในบางครั้ง อาการท้องเสียมักจะเกิดร่วมกันกับอาการไข้และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว โรคเอดส์ และการติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดการอักเสบ และติดเชื้อในร่างกายและกระจายสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดภาวะช็อกและอวัยวะภายในล้มเหลวได้ อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์ เมื่อรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี หรือหากน้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ มีไข้หลายสัปดาห์ติดต่อกัน ท้องเสียเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอหรือขาหนีบโต ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค  การรักษาโรคเอดส์ การรักษาโรคเอดส์ด้วยการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีกับผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องไปตลอดชีวิต…