อะไรคือ เพร็พกับเป๊ป

อะไรคือ เพร็พกับเป๊ป

เพร็พกับเป๊ป นั้นมีความแตกต่างกันในแง่ของสถานการณ์การใช้งาน ยาเพร็พ (PrEP) หรือภาษาอังกฤษที่ว่า Pre-Exposure Prophylaxis คือ ยาที่ใช้รับประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนที่จะมีความเสี่ยง เรียกง่ายๆ ว่าเป็นยาที่ทานก่อนมีเซ็กส์นั่นเอง ส่วนยาเป๊ป (PEP) ภาษาอังกฤษเรียกว่า Post-Exposure Prophylaxis คือ ยาที่ใช้รับประทาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังมีความเสี่ยง หรือทานในกรณีฉุกเฉินไม่เกินระยะเวลา 72 ชั่วโมง ซึ่งตัวยาทั้งสองนี้ช่วยให้คนที่มีความเสี่ยงสูง ในการติดเชื้อเอชไอวี ได้รับการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย

เพร็พกับเป๊ป คืออะไร?

คือ ยาชนิดรับประทานที่มีประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ ได้แก่

  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
  • ใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์แต่เกิดการแตกรั่ว
  • มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีผลเลือดบวก

ยาเพร็พ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis)

คือ การใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ก่อน ที่จะมีความเสี่ยง ซึ่งมีตัวยาสำคัญใน 1 เม็ดประกอบไปด้วย Emtricitabine (FTC) ขนาด 200 มิลลิกรัม และ Tenofovir (TDF) ขนาด 300 มิลลิกรัม หลังจากที่คุณใช้เพร็พแล้ว ตัวยาจะออกฤทธิ์ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี โดยต้องทานยานี้เป็นประจำทุกวัน ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่

ใครบ้างที่ควรใช้ยาเพร็พ?

ผู้ที่ควรพิจารณาใช้ยาเพร็พ (PrEP) คือ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อเอชไอวี เช่น

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย
  • ผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี หรือมีผลเลือดบวก
  • ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอดีต
  • ผู้ที่มีการใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายผ่านทางทวารหนักโดยไม่สวมถุงยางอนามัย

ยาเพร็พนี้ จะสามารถใช้ได้กับคนที่ยังไม่มีเชื้อเอชไอวีเท่านั้น และควรสวมถุงยางอนามัยควบคู่ไปกับการทานยานี้อย่างเคร่งครัด สิ่งที่ควรรู้ไว้ทั้ง เพร็พกับเป๊ป ไม่อาจป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ในผู้หญิง โรคติดเชื้อแบคทีเรีย และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ การสวมถุงยางอนามัยจึงมีความจำเป็นอย่างมาก

จำไว้ว่ายาเพร็พจะมีประสิทธิภาพดี เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ สำหรับผู้ชายควรทานยาก่อนมีความเสี่ยงล่วงหน้า 7 วัน และผู้หญิงควรทานยาก่อนมีความเสี่ยงล่วงหน้า 20 วัน เพื่อให้ตัวยาได้คงอยู่ในกระแสเลือด และทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อทานยาเพร็พ

การใช้ยาเพร็พอาจส่งผลข้างเคียงได้บ้าง ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง โดยพบบ่อย คือ

  • คลื่นไส้ ท้องเสีย น้ำหนักลดลง
  • ปวดศีรษะ และเวียนศีรษะ
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ
  • มีผื่นขึ้นตามร่างกาย

สำหรับผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ยา หรือเคยมีปัญหาต่อเนื่องจากการใช้ทานยาเพร็พ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มใช้ และควรให้ข้อมูลตามจริงเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา หรือโรคประจำตัวอื่นๆ ที่เคยเป็นมาก่อน เพื่อป้องกันอาการแพ้ยาหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง นอกจากนี้ การทานยาเพร็พ ยังต้องมีการติดตามผล และเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืนยันผลว่าคุณปลอดจากเชื้ออยู่ตลอดระยะเวลาที่ทานยา

ยาเป๊ป PEP (Post-Exposure Prophylaxis)

คือ การใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี หลัง มีความเสี่ยง ซึ่งมีสูตรยาที่หลากหลายทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้จ่ายยาว่าจะพิจารณาเลือกยาเป๊ปสูตรไหนให้คุณรับประทาน โดยจะต้องทานยาชนิดนี้หลังมีความเสี่ยงใน 72 ชั่วโมงและทานต่อเนื่อง เป็นการรักษาจำนวน 28 วันหรือตามแพทย์สั่ง

ใครบ้างที่ควรใช้ยาเป๊ป?

ผู้ที่ควรพิจารณาใช้ยาเป๊ป (PEP) คือ ผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีจาก:

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
  • การใช้เข็มฉีดยาเสพสารเสพติดร่วมกับผู้อื่น
  • การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน หรือมีเพศสัมพันธ์ขาดสติ
  • การถูกเครื่องมือแพทย์ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีทิ่มตำหรือบาดมือ
  • สวมถุงยางอนามัยและเกิดการฉีกขาด หรือหลุดรั่ว ขณะมีเพศสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม ยาเป๊ปไม่เหมาะกับการใช้เป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในระยะยาว การใช้ยาเป๊ปเองก็ไม่ได้รับการรับรองว่า จะสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ 100% ดังนั้น การป้องกันตัวเองที่ถูกต้องไว้ก่อนแก้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า หลังจากเริ่มรับประทานยาเป๊ปแล้ว ห้ามหยุดยาก่อนกำหนดโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ก็ตาม และควรกลับไปตรวจเอชไอวีอย่างน้อย 3 ครั้ง ในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากทานยาเป๊ป เพื่อตรวจสอบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อทานยาเป๊ป

เป็นไปได้ว่ายาเป๊ป (PEP) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ แต่ไม่ใช่กับทุกคนที่ใช้ยานี้ โดยผลข้างเคียงเหล่านี้จะไม่รุนแร และสามารถหายไปเองภายในไม่กี่วัน หลังจากเริ่มใช้ยาเป๊ป ได้แก่

  • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
  • มีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย
  • รู้สึกอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลด เบื่ออาหาร

แต่หากผู้ใช้ยาเป๊ปมีอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้น เช่น มีผื่นขึ้น ปัสสาวะบ่อยหรือมีเลือดออก ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจและการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของอาการแพ้ยา หรือภาวะตับเสื่อม ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ใช้ยาเป๊ปหลังมีความเสี่ยงทุกครั้งได้ไหม?

การที่จะทานยาเป๊ปทุกครั้ง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะยาเป๊ปเป็นการรักษาที่มีความเหมาะสมสำหรับผู้ที่เคยเผชิญกับความเสี่ยงทางเพศแล้ว ไม่ใช่วิธีการป้องกันทางเพศที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมทางเพศโดยไม่มีการป้องกันอย่างเคร่งครัด การใช้ยาจำพวกนี้ ควรเน้นความปลอดภัยของสุขภาพเป็นสำคัญและใช้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

รวมไปถึง การใช้ยาเป๊ปควรอยู่ภายใต้คำแนะนำ และการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ และเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด อย่าลืมว่าการใช้ เพร็พกับเป๊ป ไม่ได้รับการรับรองว่าจะป้องกันโรคได้ 100% ดังนั้น การใช้มีความจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยง และเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์

อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รักษาซิฟิลิส ไม่ต่อเนื่อง เสี่ยงอันตราย

รักษาหูดข้าวสุก ด้วยตัวเอง ทำได้หรือไม่

ถึงแม้ว่า เพร็พกับเป๊ป จะใช้ป้องกันเชื้อเอชไอวี เรียกว่าเป็นยารักษาที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้ ยาทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสูงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการป้องกัน อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่มีความเสี่ยง และช่วยลดความวิตกกังวล แต่อย่างที่เน้นย้ำไปข้างต้นว่า เพร็พกับเป๊ป ยังไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น เริม หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เป็นต้น คุณจึงควรให้ความสำคัญกับการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยและหมั่นไป ตรวจคัดกรองเชื้อเอชไอวี เป็นประจำทุกปีครับ

Similar Posts

  • ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หาซื้อได้ที่ไหน? คลินิก โรงพยาบาล และบริการใกล้คุณ

    การป้องกันเอชไอวีถือเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพทางเพศในยุคปัจจุบัน แต่ในบางครั้งสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางฉีกขาดหรือหลุดโดยไม่ทันรู้ตัว การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือแม้แต่การสัมผัสกับเลือดและเข็มฉีดยาที่อาจปนเปื้อนเชื้อเอชไอวี สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความกังวลใจให้กับผู้ที่เผชิญเหตุการณ์ทันที คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า “จะทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง?” คำตอบที่วงการแพทย์ยืนยันชัดเจนคือการใช้ ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน (Post-Exposure Prophylaxis หรือ PEP) บทความนี้จะเจาะลึกข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ตั้งแต่หลักการทำงาน เหตุผลที่ไม่สามารถซื้อได้ทั่วไป สถานที่ที่สามารถเข้ารับยา ขั้นตอนการเข้ารับบริการ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าหากเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด จะสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องตามหลักการแพทย์ ความสำคัญของยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ยาต้านเอดส์ ฉุกเฉิน หรือที่เรียกกันว่า PEP (Post-Exposure Prophylaxis) เป็นยาที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากที่บุคคลหนึ่งได้รับความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัยที่แตกหรือหลุด การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือแม้กระทั่งการสัมผัสกับเลือดหรือของมีคมที่ปนเปื้อนเชื้อ ยาชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสถานการณ์เร่งด่วนที่ไม่สามารถรอได้ เพราะเวลาคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันเชื้อเอชไอวีไม่ให้เข้าสู่ร่างกายและแพร่กระจาย ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน คืออะไร ทำงานอย่างไร ? ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หรือ PEP คือ การใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีแบบรวมสูตร (antiretroviral therapy: ART) ในช่วงเวลาหลังการสัมผัสความเสี่ยง จุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่เซลล์ของร่างกายและเริ่มกระบวนการเพิ่มจำนวน หากได้รับภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสความเสี่ยง โอกาสในการป้องกันเชื้อจะสูงมาก…

  • | |

    มีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย

    เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญของทุกคน การป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน การมีเซ็กส์ยังไงให้ปลอดภัย เพื่อการป้องกัน และลดความเสี่ยงการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ Safe Sex คืออะไร  คือ การมีเซ็กซ์ หรือเพศสัมพันธ์กันอย่างปลอดภัย ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่ามีเพียงแค่การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมีมากกว่านั้น อย่างเช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่าการช่วยตัวเอง ซึ่งวิธีอย่างหนึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ร้ายแรง หรือน่ารังเกียจ ทำไมต้อง Safe Sex?  การ Safe Sex หรือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยนั้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อเอชไอวี, โรคเอดส์, ซิฟิลิส, หนองใน ฯลฯ หรือช่วยในการคุมกำเนิด ตั้งท้องในขณะที่ยังไม่พร้อม  การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเป็นไปได้หรือไม่  เป็นไปได้ หากเรามีความรู้ และการเข้าใจในการมีเซ็กซ์ หรือเพศสัมพันธ์ อย่างถูกต้อง ทำให้เรามีเซ็กส์อย่างปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Safe Sex มีแบบไหนบ้าง? แบบที่ 1 ก่อนที่จะมี Sex กับใครได้โปรดตรวจเลือดเพื่อความชัวร์!  แม้ว่าเราจะมั่นใจในตัวเอง…

  • ยา เพร็พ (PrEP) คืออะไร ? คู่มือสุขภาพป้องกัน HIV

    ในยุคปัจจุบันที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญต่อสังคม การป้องกันล่วงหน้าเป็นหนึ่งในแนวทางที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด ยา เพร็พ (PrEP) จึงถูกพัฒนาและนำมาใช้ในวงการสาธารณสุขทั่วโลก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับยาเพร็พอย่างละเอียด ตั้งแต่วิธีการใช้ ประโยชน์ ผลข้างเคียง ตลอดจนการเข้าถึงบริการในประเทศไทย เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและดูแลสุขภาพได้อย่างมืออาชีพ ความหมายและความสำคัญของ ยาเพร็พ ยาเพร็พ (PrEP) ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือแนวทางป้องกันการติดเชื้อ HIV ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ยาต้านไวรัสที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีนัยสำคัญ ยาเพร็พจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกแนะนำให้ใช้ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ยา เพร็พ ต่างจาก ยาต้านไวรัส อย่างไร ? ยาเพร็พ (PrEP: Pre-Exposure Prophylaxis) คือ ยาที่ใช้สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือคู่รักที่อีกฝ่ายติดเชื้อ โดยรับประทานยาเพร็พอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างเกราะป้องกันในร่างกาย ทำให้ไวรัสไม่สามารถฝังตัวและเพิ่มจำนวนได้ หากได้รับเชื้อโดยไม่ตั้งใจ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้สูงเกือบ 100%…

  • | | | |

    ตรวจเอชไอวีไม่เจอ เป็นเพราะอะไรได้บ้าง?

     การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี  ถ้าผลตรวจออกมาเป็นลบ หรือไม่เจอเชื้อ ก็เป็นการได้เริ่มต้นป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง หรือถ้าตรวจเจอเชื้อ ก็ถือว่าเป็นการรู้ตัวก่อนที่จะป่วยขึ้นมา เพื่อได้เข้าสู่กระบวนการรักษาแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ป่วยหรือ เสียชีวิตจากโรคเอดส์ อีกทั้งสามารถป้องกันคนที่เรารักและคนอื่นๆ ไม่ให้ติดเชื้อจากเราได้ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี สามารถแบ่ง 2 ลักษณะ คือ ตรวจคัดกรอง และตรวจยืนยัน 1. การตรวจคัดกรอง คือ การตรวจเพื่อกรองบุคคลผู้มีความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อเอชไอวี ว่ามีโอกาสได้รับเชื้อหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจโดย Rapid Test เป็นชุดตรวจที่ตรวจง่าย รู้ผลรวดเร็วภายในไม่กี่นาที ซึ่งมีความแม่นยำสูง  หากผลตรวจพบว่า มีโอกาสพบเชื้อเอชไอวี ผู้ตรวจควรดำเนินการตรวจยืนยันที่โรงพยาบาล หรือคลินิกได้ทันที การตรวจแบบคัดกรองนี้ไม่สามารถยืนยัน หรือสรุปได้ว่าคุณเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี 2. การตรวจยืนยัน คือ การตรวจยืนยัน อีกครั้งหลังจาก คุณทำการตรวจคัดกรองมาแล้ว และพบว่ามีโอกาส ได้รับการติดเชื้อเอชไอวี  ทำไมถึงต้องตรวจคัดกรองก่อน เพราะปัจจุบัน การตรวจยืนยัน ยังอาจใช้เวลานาน กว่าจะทราบผล และมีผู้ป่วยมารับบริการจำนวนมาก ดังนั้นหากมีการตรวจคัดกรองมาก่อน ก็จะสามารถช่วยคัดกรองผู้ป่วย ที่มีโอกาสพบเชื้อ กับผู้ที่ไม่มีโอกาสพบเชื้อ ให้สามารถเข้าสู่ระบบการตรวจรักษาได้เร็วขึ้น และลดภาระงาน…

  • | | |

    ยาเพร็พ (PrEP) ป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อเอชไอวี

    ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้สูงสุดถึง 99% หากมีการใช้อย่างถูกวิธี Exposure prophylaxis เป็นยาที่ทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงโรคอื่น โดยก่อนการรับยาต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากประวัติของคนไข้ว่าตรงตามเงื่อนไขการรับยาหรือไม่ ประกอบกับการตรวจเลือดตามมาตรฐานสากล(คนไข้ที่จะรับยาจะต้องมีผลเอชไอวี เป็นลบ) และยาในกลุ่มนี้ต้องพิจารณาจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น รู้จักยาเพร็พ (PrEP) ยา PrEP ย่อมาจาก pre-exposure prophylaxis หมายถึง การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ก่อนมีการสัมผัสที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากการสัมผัสนั้น การใช้ยาเพร็พ (PrEP) สาเหตุที่ต้องรับยาเพร็พ (PrEP) การใช้ยาเพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสโรค (pre-exposure prophylaxis; PrEP) หรือยาต้านก่อนเสี่ยงนั้น  เพื่อให้ร่างกายมีระดับยาที่เพียงพอในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยต้องจะรับประทานยาติดต่อกันทุกวันตลอดช่วงที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ และการใช้ยาในลักษณะนี้จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือดก่อนเริ่มยาว่าตนไม่มีเชื้อเอชไอวี อยู่ก่อนแล้ว  ใครบ้างที่ควรได้รับยาเพร็พ (PrEP) ยาเพร็พ (PrEP) ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้กี่เปอร์เซ็นต์ การใช้ยา PrEP อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง โดยกินต่อเนื่องทุกวันไปอย่างน้อย 7 วันก่อนที่จะมีความเสี่ยง จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวี จากการมีเพศสัมพันธ์ได้มากกว่า 90 %…

  • | | |

    มารู้จักเอดส์ กับระยะของการติดเชื้อ และผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสังเกตตนเองอย่างไร

    ทุกคนรู้ดีว่า “เอดส์” คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีในการรักษาให้หายขาด แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเข้ามาหา ปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้คือ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคู่โดยไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย หรือห่วงอนามัย, การใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งเชื้อเอดส์นี้จะไม่ติดต่อทางน้ำลายหรือการสัมผัสภายนอก อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การรู้ว่าเอดส์ระยะแรก และระยะถัด ๆ ไปเป็นอย่างไร จะช่วยด้านการดูแลตนเองอย่างดี เอดส์ระยะแรก แสดงอาการอย่างไร เอดส์ระยะแรกจะเรียกว่า ระยะเฉียบพลัน คือ อาการของร่างกายที่ได้รับเชื้อ HIV เข้ามาแล้วราว ๆ 2-3 สัปดาห์ จนเริ่มเกิดการฟักตัว สังเกตง่าย ๆ คือ มีไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ หนาวสั่น อ่อนเพลียมากผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองบวม มีผื่นแดงและนูนที่ผิวหนัง ปวดกล้ามเนื้อ สาเหตุที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาเหล่านี้ขึ้นเพราะต้องการตอบสนองกับสิ่งแปลกปลอมภายนอกที่เข้ามาหา ประกอบกับเมื่อเชื้อ HIV เข้ามาตอนแรก ๆ จะแพร่กระจายไปตามส่วนต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวมีปริมาณลดลงฉับพลัน ระยะนี้ถือว่าเป็นอันตรายในการแพร่ไปสู่ผู้อื่นเนื่องจากยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร เมื่ออาการต่าง ๆ เริ่มดีขึ้นแสดงว่าการแพร่ของไวรัสอยู่ในสภาวะคงที่ เม็ดเลือดขาวก็จะค่อย…