15เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวีโรคเอดส์
| | | |

15 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์

ถึงแม้ว่าโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะมีมานานมากแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังมีความรู้ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี ทำให้ปัจจุบันต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับโรคเอดส์ และเชื้อเอชไอวี หรือการเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง

เอชไอวี คืออะไร

Love2test”></a></div>
<p><strong>เชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus)</strong> คือ ไวรัสที่จะเข้าไปกัดกินทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง</p>



<h2 class=โรคเอดส์ คืออะไร

เอดส์ (Acquired Immunodeficiency Syndrome – AIDS) คือ กลุ่มอาการของการติดเชื้อโรคแทรกซ้อนต่างๆ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่งกายถูกเชื้อเอชไอวีทำลายจนไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายเหล่านี้ได้

สาเหตุการติดเชื้อเอชไอวี

สามารถติดเชื้อเอชไอวีโดยการสัมผัสกับเลือด น้ำอสุจิ ของเหลวจากช่องคลอด หรือแม้แต่น้ำนมแม่ สาเหตุการแพร่เชื้อส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือส่งผ่านจากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์

เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์

1. โรคเอดส์ กับ เชื้อเอชไอวี เป็นคนละตัวกัน

HIV คือ เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง  ส่วนโรคเอดส์ คือ โรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังภูมิคุ้มกันบกพร่องที่เชื้อเอชไอวีทำลาย

2. โรคเอดส์ ยังมีโอกาสรอดชีวิต

ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาโรคเอดส์ได้โดยตรง แต่ถ้าหากตรวจพบในระยะที่ยังเป็นการติดเชื้ออยู่ สามารถทานยาต้านไวรัส เพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำร้ายภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนเกิดอาการความผิดปกติออกมา ดังนั้นหากตรวจพบเชื้อได้เร็ว ก็จะยิ่งควบคุมเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ง่าย จนไม่เชื้อไม่พัฒนาเป็นโรคเอดส์ที่สมบูรณ์ โอกาสรอดก็มีสูงขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป

“ChatLove2test"

3. คนเป็นเอดส์ ติดเชื้อเอชไอวี ต้องเสียชีวิตด้วยอาการแผล ตุ่ม หนอง

อาการแผล ตุ่ม หนอง หรือ ผื่น ที่เกิดขึ้นในผู้ติดเชื้อ เป็นอาการทางผิวหนังของระยะการเป็นโรคของการติดเชื้อ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยาที่รักษาการติดเชื้อ ก็ได้  ซึ่งไม่ว่าผื่นนั้นจะเกิดจากการใช้ยา หรือจากตัวเชื้อไวรัสเอง โดยส่วนใหญ่ผื่นนั้นจะมีสีแดงแบนบนผิวหนังและมีตุ่มนูนแดงอยู่ด้านบน

4. ผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ติดเชื้อเอชไอวี คือคนที่สำส่อนในเพศสัมพันธ์

การติดเชื้อไม่ได้เกิดจากเพศสัมพันธ์เท่านั้น หลายคนที่อาจติดเชื้อเอชไอวี จากแม่ หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อก็เป็นได้

“PrEPLove2test"

5. เชื้อเอชไอวีไม่ใช่ไข้หวัดที่จะติดต่อกันได้ง่าย

  • เชื้อเอชไอวี จะไม่ติดต่อกันผ่านทาง กอด จูบ (ยกเว้นกรณีที่มีแผลในปาก แล้วจูบแลกน้ำลายกัน) 
  • ทานข้าวร่วมกัน จานเดียวกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน หรือแม้แต่ใช้ช้อน ส้อมคันเดียวกัน
  • มีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย 
  • ลมหายใจ 
  • ใช้สิ่งของอุปโภคร่วมกัน ใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ยาสีฟัน ร่วมกัน
  • การใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ยิม
  • การสัมผัสที่ฝารองนั่งในห้องน้ำ, ลูกบิดประตู หรือที่จับ
เชื้อเอชไอวีไม่สามารถแพร่ผ่านการสัมผัสเหงื่อ

6. เชื้อเอชไอวีแพร่ผ่านการสัมผัส น้ำตา เหงื่อ น้ำลาย หรือปัสสาวะได้

จริง ๆ แล้ว เชื้อเอชไอวีไม่สามารถแพร่ผ่านการสัมผัส น้ำตา เหงื่อ น้ำลาย หรือปัสสาวะ

7. วิธีการรักษาแบบแปลก ๆ สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีได้

  • การอาบน้ำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 
  • การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ยังบริสุทธิ์อยู่ สามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีได้

8. ยุงแพร่เชื้อเอชไอวีได้

ถึงแม้ว่าเชื้อเอชไอวีสามารถแพร่เชื้อผ่านทางเลือดของผู้ติดเชื้อไปสู่คนอื่นได้  แต่ไม่สามารถติดเชื้อเอชไอวีจากการถูกแมลงกัด หรือถูกแมลงดูดเลือดได้  เพราะ เมื่อถูกแมลงกัด แมลงเหล่านั้นไม่ได้ฉีดเลือดของคน หรือสัตว์ที่พวกมันกัดก่อนหน้านี้ ใส่คนที่มันกัดต่อหลังจากนั้น เนื่องจากเชื้อเอชไอวีมีชีวิตอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ภายในตัวของแมลงเหล่านั้น

9. เราไม่อาจติดเชื้อเอชไอวีได้จากการทำออรัลเซ็กส์

การทำออรัลเซ็กส์ มีความเสี่ยงน้อยกว่าการมีเพศสัมพันธ์บางรูปแบบ อัตราการแพร่เชื้อน้อยกว่า 4 ครั้ง จากการทำออรัลเซ็กส์ 10,000 ครั้ง แต่คุณอาจติดเชื้อเอชไอวีได้จากการทำออรัลเซ็กส์กับชายหรือหญิงที่มีเชื้อเอชไอวี จึงเป็นเหตุผลที่แพทย์แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยเสมอ แม้แต่การทำออรัลเซ็กส์

10. เราไม่อาจติดเอชไอวีได้ ถ้าเราสวมถุงยาง

ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันการสัมผัสเชื้อเอชไอวีได้ ในกรณีที่ถุงยางเกิดแตก, หลุด, หรือรั่ว ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์  ก็ทำให้สามารถติดเชื้อได้อยู่

11. ไม่มีอาการ หมายความว่า ไม่มีเชื้อเอชไอวี

ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีอาจใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่มีอาการใด ๆ เลย เป็นเวลานาน 10-15 ปี พวกเขาอาจจะมีอาการเจ็บป่วยที่คล้ายกับหวัด รวมถึง การมีไข้, ปวดหัว, ผื่น, หรือเจ็บคอ ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจเลือด หลังจากมีความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยสำหรับตนเอง และผู้อื่น

12. คนที่ใช้ชีวิตร่วมกับเอชไอวีจะเสียชีวิตเร็ว

คนที่รู้ตัวว่าติดเชื้อเอชไอวีเข้ารับการรักษาได้เร็ว ทานยาต้านไวรัสตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นประจำ และใช้ชีวิตตามเหมือนคนปกติได้

13. แม่ที่มีเชื้อเอชไอวีจะทำให้ลูกติดเชื้อไปด้วยเสมอ

ไม่จำเป็น แม่ที่ทานยาต้านไวรัสเอชไอวี สามารถมีลูกได้โดยไม่แพร่เชื้อเอชไอวีให้แก่ลูก 

การติดเชื้อในเด็ก  เกิดในช่วงที่อยู่ในครรภ์มารดา  หรือระหว่างคลอด สำหรับประเทศไทยไม่แนะนำให้ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อกินนมแม่  จึงไม่พบการติดเชื้อภายหลังการคลอด  ส่วนการติดเชื้อในบิดาจะไม่มีการติดต่อมายังบุตร

นอกจากนี้การคลอดโดยการผ่าตัดทางหน้าท้อง  (Caesaren  section)  ก่อนจะเจ็บครรภ์หรือมีน้ำเดิน  จะช่วยลดอันตรายการเกิดเชื้อในทารกลงไปได้อีก  

14. ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีครอบครัวได้

การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัย จะทำให้มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ แต่หากอยากมีครอบครัว ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถจูงมือคู่รัก เพื่อปรึกษาแพทย์ หาทางออกในการมีครอบครัว มีบุตรโดยที่บุตรไม่ติดเชื้อเอชไอวี ได้

15. ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัสไปตลอดชีวิต

การทานยาต้านไวรัสตรงเวลา   และมีการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ มีโอกาสที่เชื้อไว้รัสเอชไอวี จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนอาจสามารถหยุดทานยาได้ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างสม่ำเสมอประกอบด้วย

อ่านบทความอื่นๆ

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ :

  • 6 สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์กับผู้ติดเชื้อ HIV https://tenderloinhealth.org/6-สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิ/
  • เอดส์: 8 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี https://www.bbc.com/thai/international-46363949
  • 8 สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์ และผู้ติดเชื้อ HIV http://www.drugsquare.co.th/healthy/69/

Similar Posts

  • | | | |

    Untransmittable ความสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและสังคม

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “Untransmittable” ที่มาพร้อมแนวคิด “ตรวจไม่เจอ = ไม่แพร่เชื้อ” (U=U) ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์และสังคมทั่วโลก แนวคิดนี้ไม่เพียงแค่ช่วยปรับปรุงชีวิตของผู้ติดเชื้อ HIV แต่ยังเปลี่ยนแปลงทัศนคติและการยอมรับในสังคมต่อผู้ที่มีเชื้อ HIV ด้วย

  • | |

    PEP ยาเป็ปกับสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มทาน

    ในด้านของสุขภาพ ความรู้ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว แต่มักเป็นสิ่งที่เราจะสามารถป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ในโลกนี้มีสิ่งที่สำคัญแต่มักถูกมองข้ามไปเช่น PEP คือสิ่งที่มาพร้อมกับการป้องกันในปัญหาสุขภาพระดับโลกที่สำคัญนั่นคือเอชไอวี เป็ป ยังคงเป็นสิ่งที่จะสามารถต่อสู้กับเอชไอวีได้โดยให้การช่วยเหลือสำหรับบุคคลที่อาจได้รับการสัมผัสกับเชื้อไวรัส เป็ป เป็นวิธีการดูแลสุขภาพในช่วงเวลาหลังจากสัมผัสเชื้อเอชไอวีหรือหลังเกิดความเสี่ยง

  • | | |

    การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์กับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน

    เชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) คือ ไวรัสที่จะเข้าไปกัดกินทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อเอชไอวีแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 1) ระยะติดเชื้อเฉียบพลัน คือ ระยะที่รับเชื้อมาใหม่ๆ หรือช่วงระหว่าง 2-4 สัปดาห์ หลังจากติดเชื้อมา โดยผู้ติดเชื้อบางส่วนจะมีอาการคล้ายไข้หวัด มีอาการ มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีผื่น และปวดหัว อาการเหล่านี้เรียกว่า acute retroviral syndrome หรือ ARS เป็นอาการที่ร่างกายตอบสนองต่อการติดเชื้อเอชไอวี 2) ระยะไม่ปรากฏอาการ คือ เป็นระยะที่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ จึงทำให้ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นได้ง่ายโดยการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เนื่องจากไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ  อาจอยู่ในระยะนี้นานถึง 10 ปี แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในปัจจุบัน คือ การรักษาด้วยยาต้านเอชไอวีเท่านั้น เพราะช่วยในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด เมื่อจำนวนเชื้อลดลง  ร่างกายก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น   โอกาสในการเจ็บป่วยด้วยโรคฉวยโอกาสจึงลดลง เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยส่วนมากสามารถทำงานและดำรงชีวิตตามปกติได้  และการเสียชีวิตจากโรคฉวยโอกาสก็เป็นไปได้น้อย จึงเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด…

  • | | |

    มารู้จักเอดส์ กับระยะของการติดเชื้อ และผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสังเกตตนเองอย่างไร

    ทุกคนรู้ดีว่า “เอดส์” คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีในการรักษาให้หายขาด แต่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเข้ามาหา ปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดโรคนี้คือ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคู่โดยไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย หรือห่วงอนามัย, การใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งเชื้อเอดส์นี้จะไม่ติดต่อทางน้ำลายหรือการสัมผัสภายนอก อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การรู้ว่าเอดส์ระยะแรก และระยะถัด ๆ ไปเป็นอย่างไร จะช่วยด้านการดูแลตนเองอย่างดี เอดส์ระยะแรก แสดงอาการอย่างไร เอดส์ระยะสาม แสดงอาการอย่างไร จะเรียกว่า เอดส์ระยะสุดท้าย หรือ ระยะโรคเอดส์ก็ไม่ผิด เพราะจากแค่เป็นการติดเชื้อจะพัฒนาไปสู่การเป็นโรคเอดส์แบบเต็มตัว ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดลงและบกพร่องมากขึ้น ส่งผลให้โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ หรือโรคฉวยโอกาสจากเชื้อไวรัสอื่นเข้ามาง่ายขึ้น ร่างกายจะโทรมเร็ว มีผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการป่วยตามแต่จะเกิดการติดเชื้อ โรคเอดส์ถือเป็นโรคอันตรายที่คนทั้งโลกเองรู้ดี ดังนั้นการเริ่มต้นจากตนเองด้วยวิธีใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม รักเดียวใจเดียว ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และตรวจเอชไอวีเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้เป็นอย่างดี

  • | | |

    ยาเพร็พ (PrEP) ป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อเอชไอวี

    ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้สูงสุดถึง 99% หากมีการใช้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ร่างกายมีระดับยาที่เพียงพอในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยต้องจะรับประทานยาติดต่อกันทุกวันตลอดช่วงที่ยังมีความเสี่ยงอยู่ และการใช้ยาในลักษณะนี้จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ โดยผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือดก่อนเริ่มยาว่าตนไม่มีเชื้อเอชไอวี อยู่ก่อนแล้ว  ใครบ้างที่ควรได้รับยาเพร็พ (PrEP) ยาเพร็พ (PrEP) ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้กี่เปอร์เซ็นต์ การใช้ยา PrEP อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง โดยกินต่อเนื่องทุกวันไปอย่างน้อย 7 วันก่อนที่จะมีความเสี่ยง จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวี จากการมีเพศสัมพันธ์ได้มากกว่า 90 % ส่วนในกรณีของผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีด สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลงได้ถึง 70% ดังนั้นถ้าเราอยากจะป้องกันให้ดีที่สุด ก็ควรกิน PrEP และใช้ถุงยางอนามัยด้วย เพราะหากพลาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป (เช่น ถุงยางแตก หรือคู่ไม่ยอมใส่ หรือลืมกิน PrEP) ก็มีอีกอย่างที่ช่วยป้องกันเราจากการติดเชื้อเอชไอวีได้ ทำไงถ้าลืมทานยาเพร็พ (PrEP) หากลืมกินยา หรือกินยาไม่ตรงเวลาอย่างต่อเนื่อง สามารถ รัประทานห่างกันได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง หากลืมเมื่อใด แล้วนึกออกให้รับประทานทันที แต่หากลืมเกิน 7 วัน ให้เริ่มนับ…

  • | |

    มีเพศสัมพันธ์อย่างไรให้ปลอดภัย

    เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญของทุกคน การป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน การมีเซ็กส์ยังไงให้ปลอดภัย เพื่อการป้องกัน และลดความเสี่ยงการติดต่อของโรคทางเพศสัมพันธ์ Safe Sex คืออะไร  Safe Sex มีแบบไหนบ้าง? แบบที่ 1 ก่อนที่จะมี Sex กับใครได้โปรดตรวจเลือดเพื่อความชัวร์!  แม้ว่าเราจะมั่นใจในตัวเอง หรือไว้ใจในคู่นอนของเรามากแค่ไหน แต่การตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็จะชัวร์และปลอดภัยมากกว่า เพราะการที่เราตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เราสามารถตรวจได้จากเลือดนั้นเอง เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส หรือโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี ที่ติดแล้วรักษายากมาก ๆ ซึ่งสามารถตรวจได้ตามโรงพยาบาลทั่วไปเลย ฉะนั้นก่อนมีเพศสัมพันธ์เราอยากจะแนะนำให้ตรวจเลือดก่อนทุกครั้งเพื่อเขาเพื่อเราจะได้ปลอดภั ข้อดีของการใช้ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันเราจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการคุมกำเนิดได้ 100% ถ้าถุงยาง ไม่รั่ว ไม่ขาด ไม่หมดอายุ ฉะนั้นเช็กดี ๆ ก่อนสวม ราคาไม่แพง หาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อ เปิดขายกันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพหรือภาวะแทรกซ้อนด้วย ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง อาจทำให้เกิดการแพ้สารเคมีในถุงยางได้ และอาจทำให้ถุงยางรั่วหรือแตก ระวังกันด้วยน้าา เช็กวันหมดอายุ รวมถึงเช็กขนาด รอยขาด รอยรั่วด้วยเพื่อความปลอดภัยของเรา แบบที่ 3…