ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หาซื้อได้ที่ไหน คลินิก โรงพยาบาล และบริการใกล้คุณ

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หาซื้อได้ที่ไหน? คลินิก โรงพยาบาล และบริการใกล้คุณ

การป้องกันเอชไอวีถือเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพทางเพศในยุคปัจจุบัน แต่ในบางครั้งสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางฉีกขาดหรือหลุดโดยไม่ทันรู้ตัว การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือแม้แต่การสัมผัสกับเลือดและเข็มฉีดยาที่อาจปนเปื้อนเชื้อเอชไอวี สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความกังวลใจให้กับผู้ที่เผชิญเหตุการณ์ทันที คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า “จะทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง?” คำตอบที่วงการแพทย์ยืนยันชัดเจนคือการใช้ ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน (Post-Exposure Prophylaxis หรือ PEP) บทความนี้จะเจาะลึกข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน ตั้งแต่หลักการทำงาน เหตุผลที่ไม่สามารถซื้อได้ทั่วไป สถานที่ที่สามารถเข้ารับยา ขั้นตอนการเข้ารับบริการ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าหากเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด จะสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องตามหลักการแพทย์

ความสำคัญของยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน

ยาต้านเอดส์ ฉุกเฉิน หรือที่เรียกกันว่า PEP (Post-Exposure Prophylaxis) เป็นยาที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากที่บุคคลหนึ่งได้รับความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัยที่แตกหรือหลุด การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือแม้กระทั่งการสัมผัสกับเลือดหรือของมีคมที่ปนเปื้อนเชื้อ ยาชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสถานการณ์เร่งด่วนที่ไม่สามารถรอได้ เพราะเวลาคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันเชื้อเอชไอวีไม่ให้เข้าสู่ร่างกายและแพร่กระจาย

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน คืออะไร ทำงานอย่างไร ?

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หรือ PEP คือ การใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีแบบรวมสูตร (antiretroviral therapy: ART) ในช่วงเวลาหลังการสัมผัสความเสี่ยง จุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่เซลล์ของร่างกายและเริ่มกระบวนการเพิ่มจำนวน หากได้รับภายใน 72 ชั่วโมงหลังสัมผัสความเสี่ยง โอกาสในการป้องกันเชื้อจะสูงมาก โดยเฉพาะหากเริ่มยาภายใน 2–24 ชั่วโมงแรก ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้น ยาจะต้องรับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 28 วัน ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด การหยุดยาเองหรือการรับประทานไม่ครบคอร์สอาจทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง และยังอาจนำไปสู่การดื้อยาในอนาคตได้

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉินไม่สามารถหาซื้อทั่วไปได้

ข้อควรรู้ที่สำคัญที่สุดคือ ยาต้านเอดส์ฉุกเฉินไม่สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป หรือผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ยาจะต้องได้รับการจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เพราะเป็นยาที่ต้องมีขั้นตอนการดูแลผู้ป่วยที่เข้มงวด ตั้งแต่การตรวจเลือด การซักประวัติสุขภาพ ไปจนถึงการนัดติดตามผล หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าหากหาซื้อยามารับประทานเองก็สามารถป้องกันเชื้อได้ แต่ความจริงแล้วการใช้ยาโดยไม่มีการตรวจประเมิน อาจก่อให้เกิดอันตราย ทั้งผลข้างเคียงที่รุนแรง การดื้อยา หรือการใช้ยาไม่ครบตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง ดังนั้น การเข้ารับบริการจากแพทย์หรือสถานพยาบาลจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและถูกต้องที่สุด

ขั้นตอนการเข้ารับ ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน

การเข้ารับบริการยาต้านเอดส์ฉุกเฉินมีขั้นตอนที่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่การประเมินความเสี่ยงโดยแพทย์ หากมีความเสี่ยงสูง แพทย์จะพิจารณาให้เริ่มยาทันทีภายใน 72 ชั่วโมง พร้อมตรวจเลือดหาเอชไอวีและการติดเชื้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นผู้เข้ารับบริการต้องรับประทานยาต่อเนื่อง 28 วัน และกลับมาติดตามผลตามนัดหมาย เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกาย รวมถึงตรวจเลือดซ้ำเพื่อยืนยันผลการป้องกันเชื้อในช่วง 1 – 3 เดือนถัดมา

โรงพยาบาลรัฐกับบริการยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน

โรงพยาบาลของรัฐถือเป็นสถานที่หลักในการให้บริการยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (ER) ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ที่ได้รับความเสี่ยงสามารถไปที่แผนกฉุกเฉินเพื่อเข้ารับการประเมินและขอรับยาได้ทันที ข้อดีของโรงพยาบาลรัฐคือมีค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมสิทธิการรักษาของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท), สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาต้านเอดส์ฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก

คลินิกเอกชนและการเข้าถึงที่รวดเร็ว

สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ความรวดเร็ว และความสะดวกในการเข้ารับบริการ คลินิกเอกชนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ ปัจจุบันมีคลินิกหลายแห่งที่ให้บริการด้านสุขภาพทางเพศและเอชไอวีโดยเฉพาะ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและระบบการนัดหมายที่ง่ายดาย แม้ว่าค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่า แต่ผู้ป่วยจะได้รับบริการที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า จึงตอบโจทย์ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกและความลับส่วนบุคคล

บริการจากองค์กรพัฒนาเอกชนและคลินิกเฉพาะทาง

ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต มีองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) และคลินิกเฉพาะทางที่ทำงานด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเปิดให้บริการตรวจเลือด ให้คำปรึกษา และจ่ายยาต้านเอดส์ฉุกเฉินในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง การเข้ารับบริการจากองค์กรเหล่านี้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยาได้รวดเร็ว และยังได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

การติดตามผลหลังรับ ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน

การใช้ยาต้านเอดส์ฉุกเฉินไม่ใช่เพียงการรับประทานยาแล้วจบ แต่จำเป็นต้องมีการติดตามผลตามนัดหมายของแพทย์ ซึ่งรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อยืนยันผลการป้องกัน และการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่อาจได้รับร่วมกัน เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือไวรัสตับอักเสบ การติดตามผลเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้เข้ารับบริการปลอดภัย ไม่ติดเชื้อ และสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพทางเพศในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน รับได้ที่ไหน ?

การเข้าถึงยาต้านเอดส์ฉุกเฉินสามารถทำได้จากหลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสถานะทางสิทธิการรักษาของผู้เข้ารับบริการ โดยทั่วไปสถานที่ที่สามารถให้บริการ ได้แก่ โรงพยาบาล คลินิกเฉพาะทาง คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI Clinic) รวมถึงศูนย์บริการสุขภาพของรัฐและเอกชนที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเอชไอวี นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ยังมีคลินิกเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านสุขภาพทางเพศซึ่งเปิดให้บริการด้านการให้คำปรึกษาและจ่ายยาต้านเอดส์ฉุกเฉินโดยตรง

สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะเร่งด่วน หนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการเข้าถึงยาต้านเอดส์ฉุกเฉินอย่างทันท่วงที คือ Love2test แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งสามารถค้นหาคลินิกใกล้ตัวได้ ดูข้อมูลบริการที่แต่ละคลินิกมีให้ เช่น การตรวจเอชไอวีฟรี บริการ PrEP และ PEP รวมถึงเวลาเปิดทำการและช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน นอกจากนี้ Love2test ยังมีระบบจองคิวออนไลน์ที่ช่วยให้การเข้ารับบริการสะดวกขึ้น ลดเวลารอคอย และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลทันเวลา

ทำไมไม่ควรหาซื้อยาต้านเอดส์ฉุกเฉินเอง

การพยายามหาซื้อยาต้านเอดส์ฉุกเฉินด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นจากร้านขายยาที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือการสั่งซื้อทางออนไลน์ ถือเป็นความเสี่ยงที่อันตรายอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่สามารถยืนยันได้ว่ายาที่ได้รับเป็นยาจริงหรือไม่ ยังอาจทำให้ได้รับยาที่ไม่มีคุณภาพ หมดอายุ หรือใช้ผิดวิธี ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ยาที่ไม่ผ่านการตรวจสอบของแพทย์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงต่อร่างกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตับอักเสบ หรือการดื้อยาที่ส่งผลเสียในระยะยาว ดังนั้นผู้ที่ได้รับความเสี่ยงจึงควรเข้ารับบริการอย่างถูกต้องทุกครั้ง

อ่านบทความที่น่าสนใจ

ยาต้านเอดส์ฉุกเฉิน หรือ PEP คือโอกาสสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังจากได้รับความเสี่ยง แต่จะได้ผลดีต่อเมื่อใช้ในเวลาที่เหมาะสม คือภายใน 72 ชั่วโมง ที่สำคัญยาชนิดนี้ไม่สามารถซื้อได้เองจากร้านขายยาหรือออนไลน์ แต่ต้องได้รับการจ่ายโดยแพทย์และสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ

แหล่งที่มา (References)

  • UNAIDS. (2025). Global HIV & AIDS statistics — Fact sheet. Retrieved from https://www.unaids.org
  • World Health Organization. (2023). Post-exposure prophylaxis (PEP). Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/hiv-post-exposure-prophylaxis-(pep)
  • Centers for Disease Control and Prevention. (2023). PEP | HIV Basics. Retrieved from https://www.cdc.gov/hiv/basics/pep.html
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2567). แนวทางการให้บริการยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกันก่อนและหลังการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP และ PEP). สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th

Similar Posts

  • Love2Test แพลตฟอร์มสุขภาพทางเพศที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน

    ปัจจุบัน สุขภาพทางเพศเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) และเอชไอวี (HIV) ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก แม้ว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์จะช่วยให้มีวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การเข้าถึงบริการเหล่านี้ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับหลายคน Love2Test จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจหาเอชไอวีและดูแลสุขภาพทางเพศได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว บทบาทสำคัญของLove2Test ในการลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีในประเทศไทย Love2Testเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชุดตรวจมาตรฐาน และแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองได้โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือมีไลฟ์สไตล์แบบใด Love2Testพร้อมเป็นผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ในการดูแลสุขภาพทางเพศของคุณ Love2Test คืออะไร? Love2Testเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่พัฒนาโดย มูลนิธิเพื่อรัก (Love Foundation) ภายใต้การนำของ คุณ ปัญญาพล พิพัฒน์คุณอานนท์ โดยมุ่งเน้นให้บริการด้านสุขภาพทางเพศแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เป็นส่วนตัว และปลอดภัย ช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างสะดวก ความสำคัญของการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ การตรวจหาเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การตรวจพบเชื้อในระยะแรกช่วยให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อและช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถมีสุขภาพที่ดี ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การใช้ ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ขณะที่…

  • ติดเชื้อ HIV ดูแลตัวเองอย่างไร

    การตรวจพบว่าตัวเอง ติดเชื้อ HIV และต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้ออาจเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ติดเชื้ออย่างมาก แต่ด้วยการดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตที่มีสุขภาพดีได้ เพราะการดูแลตนเองเมื่อ ติดเชื้อ HIV เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม และการจัดการสภาพร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ นำเสนอเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่จำเป็น เพื่อนำทางชีวิตในฐานะบุคคลที่ ติดเชื้อ HIV ตั้งแต่การเข้าสู่กระบวนการรักษาพยาบาลและการทำความเข้าใจตัวเลือกการรักษา ไปจนถึงการใช้พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การป้องกันการแพร่เชื้อ การจัดการสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งข้อมูล การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ ติดเชื้อ HIV มีความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและมีความสุขขณะใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีได้ โดยการน้อมรับแนวทางปฏิบัติในการดูแลตนเองและการรับทราบข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

  • | | |

    การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์กับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน

    เชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) คือ ไวรัสที่จะเข้าไปกัดกินทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอดส์ (Acquired Immunodeficiency Syndrome – AIDS) คือ กลุ่มอาการของการติดเชื้อโรคแทรกซ้อนต่างๆ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่งกายถูกเชื้อเอชไอวีทำลายจนไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายเหล่านี้ได้ การติดเชื้อเอชไอวี ไม่จำเป็นต้องมีอาการเอดส์ หากรู้เร็วด้วย การตรวจเลือด และรักษาเร็วด้วยยาต้านไวรัส โดยสาเหตุของการติดเชื้อเอชไอวีที่พบบ่อยที่สุด คือ ติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ส่งผ่านจากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ สัมผัสเลือด น้ำอสุจิ ของเหลวจากช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ หรือแม้แต่น้ำนมแม่ก็สามารถแพร่เชื้อเอชไอวีได้เช่นกัน การติดเชื้อเอชไอวีแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 1) ระยะติดเชื้อเฉียบพลัน คือ ระยะที่รับเชื้อมาใหม่ๆ หรือช่วงระหว่าง 2-4 สัปดาห์ หลังจากติดเชื้อมา โดยผู้ติดเชื้อบางส่วนจะมีอาการคล้ายไข้หวัด มีอาการ มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีผื่น และปวดหัว อาการเหล่านี้เรียกว่า acute retroviral syndrome หรือ…

  • |

    โรคเอดส์ ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ป้องกันได้ รักษาได้

    “โรคเอดส์” หรือ AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินมาตั้งแต่อดีต และในบางครั้งยังถูกใช้อย่างคลาดเคลื่อน จนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ซึ่งเป็นไวรัสต้นเหตุของโรคเอดส์อย่างแท้จริง บางคนเข้าใจว่า HIV และเอดส์คือสิ่งเดียวกัน หรือเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาได้และต้องเสียชีวิตในเวลาอันสั้น แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันความรู้ทางการแพทย์ได้พัฒนาไปไกลมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจโรคเอดส์ อย่างถูกต้อง แยกให้ออกระหว่างการติดเชื้อ HIV กับการเป็นเอดส์ พร้อมทั้งพูดถึงวิธีการป้องกัน การรักษา และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน HIV และเอดส์ ต่างกันอย่างไร ? HIV (Human Immunodeficiency Virus) คือไวรัสที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ AIDS หรือ “โรคเอดส์” เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV ซึ่งภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอจนร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคฉวยโอกาสอื่น ๆ ได้ เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ…

  • | | | | |

    Undetectable แล้วไม่ป้องกันได้ไหม ปลอดภัยจริงไหม?

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิด หรือ “U=U” ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์และสาธารณสุข โดยคำว่า “Undetectable” หมายถึงการที่ปริมาณไวรัส HIV ในเลือดของผู้ติดเชื้อลดต่ำจนไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการทดสอบมาตรฐาน ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ติดเชื้อได้รับการบำบัดด้วยยาต้านไวรัส (ART) อย่างสม่ำเสมอ แนวคิด U=U เป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่า ผู้ที่มีปริมาณไวรัส HIV ต่ำจนตรวจไม่พบ ไม่สามารถแพร่เชื้อให้คู่นอนผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม คำถามที่หลายคนยังคงสงสัยคือ ถ้าไวรัสตรวจไม่พบแล้ว สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้ไหม และมันปลอดภัยจริงหรือ?

  • | | |

    ยาเป๊ป (PEP) ยาต้านฉุกเฉินป้องกันเอชไอวี

    ยาต้านไวรัสเอชไอวีเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้สูงสุดถึง 99% หากมีการใช้อย่างถูกวิธี Exposure prophylaxis เป็นยาที่ทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงโรคอื่น โดยก่อนการรับยาต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากประวัติของคนไข้ว่าตรงตามเงื่อนไขการรับยาหรือไม่ ประกอบกับการตรวจเลือดตามมาตรฐานสากล(คนไข้ที่จะรับยาจะต้องมีผลเอชไอวี เป็นลบ) และยาในกลุ่มนี้ต้องพิจารณาจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น รู้จักยา PEP คืออะไร PEP ย่อมาจาก post-exposure prophylaxis หรือยาต้านฉุกเฉิน ทานหลังจากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี  เป็นการรักษาระยะสั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยยาที่ใช้ในกลุ่มนี้เป็นประเภท Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors (NRTIs) Non-Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitor (NNRTIs) Integrase inhibitor strand transfer inhibitor (INSTs) และ Protease inhibitor(PIs) โดยทานยาครบตามที่แพทย์สั่ง การทานยาเป๊ป(PEP)  การทานยา เป๊ป(PEP)   จำเป็นต้องทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ คือ ต้องทานภายในเวลา 72 ชั่วโมง…