เริมที่อวัยวะเพศ รักษาอย่างไร

เริมที่อวัยวะเพศ รักษาอย่างไร

เริมที่อวัยวะเพศ เป็นหนึ่งในโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อ ซึ่งพบได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีโอกาสจะมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าได้ และทำให้ติดโรคเริมที่อวัยวะเพศมา ความน่ากลัวของเชื้อเริมนี้ คือ เมื่อคุณติดแล้วจะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ไม่สามารถหายขาดได้อย่างสนิทใจสักที หากคุณไม่ทำการรักษาก็จริงลุกลามเป็นแผล ส่งผลให้รู้สึกขาดความมั่นใจได้ครับ

เริมที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุจากอะไร

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างเริมที่อวัยวะเพศนั้น จัดเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสยอดฮิตที่ชื่อ เอชเอสวี (HSV : Herpes Simplex Virus) อ่านว่า เฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ไวรัส แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  1. ไวรัสเอชเอสวีชนิดที่ 1 : ทำให้เกิดเริมบริเวณปากและจมูก
  2. ไวรัสเอชเอสวีชนิดที่ 2 : ทำให้เกิดเริมบริเวณอวัยวะเพศภายนอก

เริมที่อวัยวะเพศ ติดต่อง่ายแค่ไหน

เริมที่อวัยวะเพศนี้ติดต่อกันได้ง่ายแม้ไม่ได้มีการสอดใส่หรือร่วมเพศระหว่างกันก็ตาม เพราะสามารถติดกันได้จากการสัมผัสเชื้อผ่านแผลและเยื่อบุต่างๆ เช่น การใช้มือสัมผัสเชื้อของผู้ที่เป็นเริมและนำมาจับอวัยวะเพศของตัวเอง ก็ทำให้เกิดการถ่ายทอดเชื้อได้ หรือแม้แต่การใส่ถุงยางอนามัยที่เราอาจจับโดนเชื้อแล้วมาจับที่อวัยวะเพศก่อนสวมถุงยางอนามัย จึงทำให้ไม่ช่วยป้องกันเชื้อเริมได้ทั้งหมด ที่สำคัญ เรายังมีโอกาสที่จะติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศจากแฟนหรือคู่นอนที่ไม่มีอาการ หรือแผลเริมได้อีกด้วย เนื่องจากอาการที่เคยเป็นหายไปแล้วเรียบร้อยและไม่มีรอยโรคที่สังเกตเห็นได้ ซึ่งจะแพร่เชื้อได้มากที่สุดในช่วง 1 ปีแรกหลังการติดเชื้อนั่นเอง

อาการของเริมที่อวัยวะเพศ

ในระยะแรกที่ติดเชื้อซึ่งจะมีระยะฟักตัวประมาณ 4-5 วัน จึงจะเริ่มแสดงอาการ และแพร่ไปตามแนวเส้นประสาท เกิดการลามเป็นบริเวณกว้างไปในบริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้ ถ้าเป็นการติดเชื้อเริมครั้งแรกจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ มีไข้ อ่อนเพลียร่างกาย ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นที่บริเวณอวัยวะเพศจะเริ่มมีรอยโรคเกิดขึ้น เพศชายจะมีแผลที่บริเวณองคชาต อัณฑะ หรือทวารหนัก เพศหญิงจะมีแผลที่บริเวณปากช่องคลอดภายนอก และช่องคลอดภายใน โดยมีอาการหลักๆ ดังนี้

  • ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบ
  • มีตุ่มน้ำใสๆ ขนาดเล็กขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม
  • หากตุ่มแตก จะมีน้ำเหลืองข้นเคลือบแผล
  • รู้สึกคัน ปวดแสบ ปวดร้อนบริเวณอวัยวะเพศ
  • แสบขัดเวลาปัสสาวะหรือปัสสาวะไม่ค่อยออก

โรคเริมอวัยวะเพศ ส่งผลร้ายอย่างไร

ถึงแม้โรคเริม จะไม่ได้ทำให้เกิดโรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่หากมีแผลเริมที่อวัยวะเพศจะเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อโรคอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสเอชไอวี เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ยิ่งหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อ่อนแอง่าย และเร่งให้เชื้อเริมกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ทั้งที่ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วก็ตาม

การรักษา เริมที่อวัยวะเพศ

วิธีรักษาเริมที่อวัยวะเพศจะเน้นรักษาตามอาการ โดยจะใช้ทั้งยาชนิดรับประทานและยาทาไปพร้อมกัน โดยจะเป็นยาในกลุ่มต้านไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ เพราะไม่สามารถใช้ยารักษาไวรัสเริมที่เกิดบริเวณปากได้ เนื่องจากคนละชนิดสายพันธุ์กัน และเพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุด ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาภายใน 5 วันแรก นับตั้งแต่เริ่มแสดงอาการครั้งแรก จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสไม่ให้ลุกลามไปยังเส้นประสาทส่วนอื่นของร่างกายได้ นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผล ก็สามารถทานยาแก้ปวด บรรเทาอาการปวดได้ หรือจะใช้วิธีประคบเย็นที่แผลเป็นเวลา 30-60 นาที ร่วมด้วย ทั้งนี้ อาการเริมที่อวัยวะเพศจะค่อยๆ ดีขึ้น และแผลจะหายภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและสุขภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย

ถึงแม้ว่า โรคเริมที่อวัยวะเพศ จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาการของโรคเลย เราก็จะพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง อีกทั้งยังนำความเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะไวรัสเอชไอวี และซิฟิลิส เพราะเชื้อจะสามารถเข้าสู่แผลเริมที่เป็นอยู่ได้ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นเริมบริเวณนั้นอาจรู้สึกเขินอาย เวลาที่มีกิจกรรมทางเพศ เพราะมีรอยแผลที่อาจทำให้คู่นอนรู้สึกรังเกียจ การเข้าใจความเสี่ยง ดังที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะช่วยป้องกันคุณให้ห่างไกลจากโรคเริมที่อวัยวะเพศได้อย่างแน่นอนครับ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Similar Posts